“หุ้นไทย” ปิดตลาดลบ 0.83 จุด คาดพรุ่งนี้ผันผวนต่อ-รอปัจจัยบวกใหม่

ความเคลื่อนไหวดัชนีตลาด “หุ้นไทย” วันนี้ (25 ม.ค.66) ผันผวนในทิศทางปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้า ก่อนย่อตัวลงในช่วงบ่าย ซึ่งดัชนีทำต่ำสุดอยู่ที่ 1,678.71 จุด ก่อนมาปิดตลาดที่ 1,682.11 ลดลง 0.83 จุด หรือ 0.05% มูลค่าซื้อขาย 57,920.68 ล้านบาท

หุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 ลำดับแรก ได้แก่

1. BEM มูลค่า 2,556.72 ล้านบาท ราคาหุ้นปิดที่ 10 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ 2.56%

2. KBANK มูลค่า 2,024.98 ล้านบาท ราคาหุ้นปิดที่ 143.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลงจากราคาปิดก่อนหน้า

3. BDMS มูลค่า 1,709.63 ล้านบาท ราคาหุ้นปิดที่ 29 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 1.69%

4. DELTA มูลค่า 1,663.61 ล้านบาท ราคาหุ้นปิดที่ 894 บาท เพิ่มขึ้น 10 บาท หรือ 1.13%

5. CPALL มูลค่า 1,565.20 ล้านบาท ราคาหุ้นปิดที่ 69.75 บาท ลดลง 0.25 บาท หรือ 0.36%

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ ยังคงแกว่งตัวในลักษณะ Sideway ออกข้าง รอฟังปัจจัยเสริมทางทางบวกอื่นเข้ามากระตุ้นตลาด

โดยปัจจัยที่ประกาศออกมาวันนี้คือผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งเป็นภาพของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากเดิม 0.25% มาเป็น 1.25% แต่ตัวเลขดังกล่าวตรงกับที่นักลงทุนคาดการณ์ไว้ จึงไม่ส่งผลต่อความเป็นไปของตลาดหุ้นไทยมากนัก

ทั้งนี้ในระยะสั้นตลาดยังคงรอผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ช่วงปลายเดือนม.ค.นี้ เกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐในไตรมาสที่ 4 ตัวเลขจีดีพีสหรัฐไตรมาสล่าสุด ประกอบกับการแกว่งตัวตามผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ของบริษัทสัญชาติไทยที่ทยอยประกาศออกมา

สำหรับวันพรุ่งนี้ (26 ม.ค. 2565) ดัชนีตลาดหุ้นไทยยังเเกว่งตัวในลักษณะ Sideway ออกข้างเพื่อรอปัจจัยบวกใหม่ ด้วยแนวรับ 1,670 จุด ส่วนแนวต้าน 1,690 จุด จากปัจจัยชุดเดิม

ด้านคำแนะนำการลงทุน ช่วงนี้เป็นจังหวะในการทยอยสะสมหน้าหุ้นที่พื้นฐานดี กำไรเด่น หากเป็นหน้าหุ้นที่เชื่อมโยงกับการภาคการท่องเที่ยวแนะนำ MINT และ SPA