ดาวโจนส์ดิ่ง 613 จุด ผวาตัวเลขศก.บ่งชี้สหรัฐอาจดำดิ่งสู่ภาวะถดถอย

ดาวโจนส์ดิ่ง 613 จุด ผวาตัวเลขศก.บ่งชี้สหรัฐอาจดำดิ่งสู่ภาวะถดถอย

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพุธ(18ม.ค.)ปรับตัวร่วงลง 613 จุด หลังยอดค้าปลีกและดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนธ.ค. ปรับตัวลดลงเกินคาดการณ์ ทั้งยังมีรายงานว่า นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 613.89 จุด หรือ 1.81% ปิดที่ 33,296.96 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 62.11 จุด หรือ 1.56% ปิดที่ 3,928.86 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 138.10 จุด หรือ 1.24% ปิดที่ 10,975.01 จุด

ทั้งนี้ เฟด ออกแถลงการณ์ระบุว่า นายพาวเวล วัย 69 ปี มีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวก และมีอาการป่วยเล็กน้อย

"ท่านประธานพาวเวลได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบโดส รวมทั้งได้รับเข็มกระตุ้น และขณะนี้ท่านได้ปฏิบัติงานนอกสำนักงาน และได้กักตัวที่บ้านพักตามคำแนะนำของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ (ซีดีซี)" แถลงการณ์ระบุ

อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นในช่วงแรก ขานรับดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว

นักลงทุนเพิ่มคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นการประชุมนโยบายการเงินนัดแรกของเฟดในปีนี้ หลังการเปิดเผยตัวเลขดัชนี PPI ของสหรัฐในวันนี้

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 95.3% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% ในการประชุมวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ. หลังจากที่ก่อนหน้านี้ให้น้ำหนัก 76.7%

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกดิ่งลง 1.1% ในเดือนธ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าปรับตัวลงเพียง 0.8% หลังจากลดลง 1.0% ในเดือนพ.ย.

ยอดค้าปลีกได้รับผลกระทบจากยอดขายรถยนต์ที่ลดลง รวมทั้งการปรับตัวลงของราคาน้ำมันเบนซิน ซึ่งกระทบต่อยอดขายของสถานีบริการน้ำมัน

ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร ลดลง 0.7% ในเดือนธ.ค. หลังจากลดลง 0.2% ในเดือนพ.ย.

นอกจากนี้ เฟด ยังเปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐลดลง 0.7% ในเดือนธ.ค. หลังจากปรับตัวลง 0.6% ในเดือนพ.ย.

ทั้งนี้ ตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวม เป็นการวัดการปรับตัวของภาคโรงงาน, เหมืองแร่ และสาธารณูปโภค โดยการผลิตของภาคโรงงานดิ่งลง 1.3% ในเดือนธ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 0.3% หลังจากลดลง 1.1% ในเดือนพ.ย.

ส่วนการผลิตในภาคเหมืองแร่ลดลง 0.9% ในเดือนธ.ค. ขณะที่ภาคสาธารณูปโภคพุ่งขึ้น 3.8%