"กลุ่มโรงไฟฟ้า" แห่ชิงเค้ก "พลังงานทดแทน" สตอรี่ใหม่ดันราคาหุ้น

"กลุ่มโรงไฟฟ้า" แห่ชิงเค้ก "พลังงานทดแทน" สตอรี่ใหม่ดันราคาหุ้น

“พลังงานหมุนเวียน” ถือเป็นพลังงานแห่งอนาคตที่มีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ และกำลังจะเข้ามาแทนที่พลังงานฟอสซิลรูปแบบเดิมๆ เพราะเวลานี้ทั่วโลกมุ่งให้ความสำคัญกับเรื่องของสิ่งแวดล้อม มุ่งสร้างความยั่งยืนในระยะยาวทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

สำหรับประเทศไทยปัจจุบันนี้จะเห็นว่าภาคส่วนต่างๆ หันมาใช้พลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทั้งพลังงานจากแสงอาทิตย์ ลม น้ำ ก๊าซชีวภาพ วัตถุดิบทางการเกษตรต่างๆ ฯลฯ มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าจากพลังงานสีเขียวมากมายทั่วประเทศ

โดยล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดให้ผู้สนใจยื่นขอผลิตและขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรอบใหม่ ในรูปแบบ Feed in Tariff ระหว่างปี 2565-2573 จำนวนทั้งหมด 5,203 เมกะวัตต์

ปรากฎว่าได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก มีเอกชนเข้ามายื่นคำขอล้นหลามรวม 670 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตทั้งหมด 17,400 เมกะวัตต์ มากกว่าโควต้าที่กำหนดไว้ถึง 3 เท่า 

แบ่งเป็น ผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) 272 โครงการ รวม 15,218.83 เมกะวัตต์ ประกอบด้วยพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน 52 โครงการ รวม 2,171.19 เมกะวัตต์, พลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน 141 โครงการ รวม 7,537.71 เมกะวัตต์ และพลังงานลม 79 โครงการ รวม 5,509.93 เมกะวัตต์

"กลุ่มโรงไฟฟ้า" แห่ชิงเค้ก "พลังงานทดแทน" สตอรี่ใหม่ดันราคาหุ้น

และ กลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) อีก 398 โครงการ รวม 2,181.58 เมกะวัตต์ ประกอบด้วยก๊าซชีวภาพ (น้ำเสีย/ของเสีย) 2 โครงการ รวม 6.50 เมกะวัตต์, พลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน 381 โครงการ รวม 2,066.04 เมกะวัตต์ และพลังงานลม 15 โครงการ รวม 109.04 เมกะวัตต์

โดย กกพ. จะประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติในวันที่ 9 ธ.ค. นี้ ส่วนผู้ที่ไม่ผ่านคุณสมบัติสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อ กกพ. ได้ภายในวันที่ 22 ธ.ค. และจะมีการประกาศผลการอุทธรณ์ภายในวันที่ 11 ม.ค. 2566

ซึ่งแน่นอนว่าโครงการนี้ย่อมได้รับความสนใจจากบรรดาผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าชั้นนำของประเทศ อย่างบริษัทในตลาดหุ้นพร้อมใจกันมาคึกคัก เช่น บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF, บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC, บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM, บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH

บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA, บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL, บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG, บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ACE

ซึ่งสุดท้ายแล้วหากบริษัทไหนสามารถคว้าสิทธิมาได้จะกลายเป็นสตอรี่ตัวใหม่เข้ามาช่วยขับเคลื่อนธุรกิจ ทั้งนี้ กกพ. จะรวบรวมไฟฟ้าสีเขียวทั้งหมดนี้ขายให้กับโรงงานอุตสาหกรรมที่ต้องการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน รวมทั้งขายให้กับต่างประเทศที่มีกฎบังคับให้การผลิตสินค้าต้องมีการใช้พลังงานสะอาด โดย กกพ. จะออกใบรับรองไปให้ด้วย

ด้าน บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุว่า โครงการนี้ช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับกลุ่มโรงไฟฟ้า ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว แต่ยังฟื้นตัวได้ช้า เนื่องจาก 1. ค่า Ft ปรับขึ้นไม่มาก (ขึ้นน้อยกว่าต้นทุนที่เพิ่ม) และคาดว่าการปรับขึ้นค่า Ft รอบใหม่เดือน ม.ค.-เม.ย. 2566 จะขยับขึ้นไม่มากเช่นกัน และ 2. ราคาก๊าซยังอยู่ในระดับสูง

โดยฝ่ายวิจัยประเมินว่ากำไรสุทธิงวดไตรมาส 4 ปี 2565 – ไตรมาส 1 ปี 2566 ยังไม่ดีมากนัก แต่จะดีกว่าช่วงไตรมาส 2-3 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยให้น้ำหนักการลงทุนกลุ่มโรงไฟฟ้า “เท่ากับตลาด” โดยหุ้นเด่นในเชิงกลยุทธ์ ได้แก่ BGRIM, GPSC และ GULF โดยหาจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาหุ้นอ่อนตัว