“วิน พรหมแพทย์” ส่องตลาดหุ้นปีหน้ามีลุ้นเป็นกระทิง ในยุคดอกเบี้ยขาขึ้น

“วิน พรหมแพทย์” ส่องตลาดหุ้นปีหน้ามีลุ้นเป็นกระทิง ในยุคดอกเบี้ยขาขึ้น

กรุงศรี ชี้ตลาดหุ้นปีหน้า เฟดขึ้นดบ.คุมเงินเฟ้ออยู่ช่วงกลางปี มีลุ้นกลับมาเป็น ตลาดกระทิง จากตลาดหมีในปีนี้ ฟันด์โฟลว์ต่างชาติ-ท่องเที่ยว หนุนหุ้นไทยดัชนีขยับขึ้นแตะ 1,820 จุด แต่ระยะสั้นตลาดยังผันผวน แนะ "ปรับพอร์ต" กระจายลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลก

จากงานสัมมนา SET in the City 2022 ค้นหาโอกาสใหม่ ให้คุณลงทุนอย่างมั่นใจ ในยุคดอกเบี้ยขาขึ้น วิเคราะห์แนวโน้มและมุมมองการลงทุนให้คุณไม่ตกเทรนด์ จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.

ในหัวข้อ “ปรับพอร์ต จัดทัพ รับดอกเบี้ยขาขึ้น” พบไอเดียจัดและปรับพอร์ตลงทุนอย่างไรดี สินทรัพย์ไหนที่ควรมีหรือลดออกจากพอร์ตลงทุน  นายวิน พรหมแพทย์  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานลูกค้าไฮเน็ตเวิร์ธ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY กล่าวว่า แนวโน้มตลาดการลงทุนในปีหน้า  แม้ในยุคดอกเบี้ยขาขึ้น แต่คาดแนวโน้มปีหน้าเศรษฐกิจขนาดใหญ่ประเทศพัฒนาอย่างสหรัฐ ยุโรป และอังกฤษ  ยังชะลอตัวหรือมีโอกาสติดลบ ทำให้เงินเฟ้อทั่วโลกมีโอกาสปรับตัวลง 

“วิน พรหมแพทย์” ส่องตลาดหุ้นปีหน้ามีลุ้นเป็นกระทิง ในยุคดอกเบี้ยขาขึ้น

 

โดยคาดว่า เฟดยังคงปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงต้นปีจนถึงกลางปีหน้า มาอยู่ระดับ 5% น่าจะคุมเงินเฟ้อสหรัฐมาที่ระดับ 4-6%  และจะเริ่มส่งสัญญาคงในช่วงครึ่งหลังปีหน้า และลดดอกเบี้ยได้ในปี 2567

หากตลาดหุ้นรับรู้ได้เร็วตั้งแต่กลางปีหน้า  มีลุ้นปีหน้าตลาดหุ้นเป็นตลาดกระทิง กลับทิศจากปีนี้ที่เป็นตลาดหมี หรือปีหน้า เศรษฐกิจสหรัฐแย่ กดดันให้เฟดต้องกลับมาลดดอกเบี้ยเร็วขึ้น ก็จะยิ่งส่งผลดีต่อทิศทางตลาดหุ้นปีหน้ามากขึ้น  

ขณะที่ในปีหน้า เศรษฐกิจ จีน อินเดียและอาเซียน มีแนวโน้มขยายตัวได้ระดับ 3-4%  โดยเฉพาะจีนและอินเดียหากเศรษฐกิจขยายตัวได้ดี น่าช่วยประคองเศรษฐกิจโลกในปีหน้า เพราะสองประเทศเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคของโลก  รวมถึเงินลงทุนในฝั่งสหรัฐจะมีโอกาสไหลกลับมาฝั่งตลาดประเทศเกิดใหม่ รวมถึงตลาดหุ้นไทย 

 

“วิน พรหมแพทย์” ส่องตลาดหุ้นปีหน้ามีลุ้นเป็นกระทิง ในยุคดอกเบี้ยขาขึ้น

มองบวกหุ้นไทยปี66 ให้เป้าดัชนีแตะ 1,820 จุด

แนวโน้มตลาดหุ้นไทยปี 2566  นายวิน กล่าวว่า ทางด้าน บล.กรุงศรี คาดว่า การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและการบริโภค ในประเทศ จะเป็นปัจจัยบวกตลาดหุ้นไทย มองเป้าหมายดัชนีปีหน้าปรับขึ้นแตะ 1,820 จุด จากสิ้นปีนี้ 1,700 จุด 

แม้ปีนี้เงินบาทอ่อนค่าแต่เงินทุนต่างชาติยังไหลเข้าต่อเนื่อง และในปีหน้าแนวโน้มเงินบาทกลับมาแข็งค่า ช่วงกลางปีที่ระดับ  34 บาทต่อดอลลาร์ จากปัจจัยหนุนคาดมีเม็ดเงินทุนต่างชาติในฝั่งสหรัฐไหลกลับเข้ามาในฝั่งตลาดหุ้นเอเชียได้ โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทย ที่มีปัจจัยหนุนจากเศรษฐกิจอยู่ในช่วงฟื้นตัว จากการท่องเที่ยว ฝ่ายวิจัยกรุงศรี คาดว่าจีดีพีไทยปีหน้าขยายตัวระดับ 3.6% 

 

แม้ว่า ภาพการลงทุนระยะสั้น ยังผันผวนและดูน่าเป็นห่วงในทุกสินทรัพย์ลงทุน แต่หากมองภาพการลงทุนระยะยาว 5 -10 ปี ในจังหวะนี้เป็นโอกาสเข้าลงทุนสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ 

นายวิน มองว่า ในจังหวะนี้ที่ตลาดปรับตัวลง มีโอกาสทำกำไรในระยะยาวได้  โดยเฉพาะการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงในปีที่ผลตอบแทนปรับตัวลงแรง แต่ในปีถัดไปผลตอบแทนปรับตัวขึ้นแรงได้

ดังนั้นมีลุ้นปีหน้าผลตอบแทนการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้น จะกลับมาเห็นสีเขียว รวมถึงการลงทุน ในตราสารหนี้ทั่วแลก อสังหาริมทรัพย์และรีท  มีโอกาสที่ผลตอบแทนดีขึ้นเช่นกัน

ทางด้านกองทุนตราสารหนี้  มองว่า ยังมีความน่าสนใจลงทุนระยะยาว 6 เดือนถึง 1 ปีขึ้นไป ยังลุ้นผลตอบแทนระดับ  1-2% ในบางกองทุน  มีโอกาสให้ผลตอบแทนมากกว่าเงินฝาก คาดการณ์ว่าในปีหน้า กนง. มีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายค่อยเป็นค่อยไป 

การลงทุนตราสารหนี้โลกในวันนี้ แม้ระยะสั้นผันผวน ตามทิศทางบอนด์ยิลด์สหรัฐขึ้นลงผันผวน แต่หากลงทุนในระยะยาว มีโอกาสลุ้นผลตอบแทนจากการลงทุนถึงสองเด้ง  ทั้งคูปองสูง และราคาที่ได้กำไร   ปัจจุบันอัตราผลตอบแทนตั้งต้นของการลงทุนตราสารหนี้โลกสูงกว่าต้นปีประมาณ 2 เท่า  


ในส่วนการลงทุนหุ้นโลก หุ้นสหรัฐพีอี ปรับตัวลงมาอยู่ที่ 15เท่า ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 25 ปี อยู่ที่ 27 เท่า มีความน่าสนใจ ด้วยระดับพีอีที่ 15 เท่า หากมีระยะเวลาลงทุนเกิน 5 ปีมีโอกาสสูง (จากค่าสถิติในอดีต) ว่าจะได้รับผลตอบแทน เป็นบวก  หากต้องการลงทุนประหยัดภาษีช่วงปลายปีนี้ มองว่า ตอนนี้เป็นจังหวะเข้าซื้อกองทุนประหยัดภาษี SSF และ RMF  ที่ต้องลงทุนระยะยาว 5 ปีขึ้นไป 


ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นๆ ที่ปรับตัวลงมาต่ำมาก อย่าง ตลาดหุ้นยุโรป  ตลาดหุ้นฮ่องกง และตลาดหุ้นเวียดนาม ราคาหุ้นปรับตัวลงมาอยู่ในระดับต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี  ถ้าหากเชื่อว่า เศรษฐกิจประเทศดังกล่าวยังฟื้นตัวหรือเติบโตดีในระยะข้างหน้า จังหวะนี้ก็เป็นโอกาสซื้อหุ้นราคาถูกมาก 


นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนที่ต้องจับตามอง คือ การลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกทั่วโลก   เช่น อสังหาริทรัพย์ และโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะรีทไทยและสิงค์โปร ผลตอบแทนในวันนี้อยู่ที่ระดับ 6-8 %   มองว่า จุดนี้เป็นจังหวะเข้าที่น่าสนใจ จากราคาปรับลงมามากและให้ผลตอบแทนสูงแล้ว ยังมีโอกาสรับประโยชน์จากค่าเช่าที่ปรับขึ้นเพิ่มขึ้นตามเงินเฟ้อ  

“วิน พรหมแพทย์” ส่องตลาดหุ้นปีหน้ามีลุ้นเป็นกระทิง ในยุคดอกเบี้ยขาขึ้น

แนะจัดพอร์ตลงทุน 5 ปีขึ้นไป  

ผสมผสาน Core-Satellite Portfolio 


ในวันนี้นักลงทุนเน้นการจัดพอร์ตลงทุนระยะยาว 5 ปี หรือเกิน 5 ปี เพราะในปีหน้าหลากหลายสินทรัพย์ลงทุนทั่วโลก  ทั้งหุ้นไทย หุ้นโลก ตราสารหนี้โลก สินทรัพย์ทางเลือก มีโอกาสที่ผลตอบแทนปรับตัวดีขึ้นจากปีนี้   รวมถึงจากบทเรียนในช่วงตลาดผันผวนที่ผ่านมาเพื่อเป็นการจำกัดความเสี่ยงขาลง  

นายวิน แนะนำว่า นักลงทุนควรจัดพอร์ตหรือปรับพอร์ตการลงทุนแบบผสมผสาน Core-Satellite Portfolio  คือ สัดส่วน 80% เป็นการลงทุนพอร์ตหลัก (Core Portfolio)   เน้นการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ กระจายการลงทุนทั่วโลก  และสัดส่วนอีก 20% เป็นการลงทุนพอร์ตเสริม (Satellites Portfolio)  ในพอร์ตนี้จำกัดสัดส่วนการลงทุนไม่เกิน 5% ต่อกองทุน หรือทุกสินทรัพย์รวมกันแล้ว ไม่เกิน 20%   แต่หากผู้ลงทุนสามารถรับความเสี่ยงได้มากขึ้น เพราะอายุยังน้อยหรือมีกระแสเงินสดเข้ามาทุกเดือน สามารถเพิ่มสัดส่วนพอร์ตเสริมได้แต่ในภาพรวมการลงทุนผัยผวนช่วงนี้ ยังมองว่า ควรจำกัดความเสี่ยงขาดทุนไว้ก่อนและยังถือเงินสดไว้บางส่วน 

“ เมื่อเรามีบทเรียนที่เจ็บตัวในอดีต ก็ต้องเรียนรู้ ดังนั้นการลงทุนระยะข้าง ควรกลับมาจัดทัพปรับพอร์ตลงทุนให้ดีไว้ก่อน เพราะหากตลาดผันผวน พอร์ตยังเติบโตได้ แม้ไม่หวือหวา แต่จำกัดความเสี่ยงขาดทุนได้มากกว่า มองว่า ในวันนี้เป็นจังหวะลงทุนที่น่าสนใจ สามารถทยอยใส่เงินลงทุน  ยิ่งในช่วงจังหวะตลาดปรับตัวลงและคนอื่นกลัว เพื่อซื้อของถูก เพื่อมีโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว 5 ปีขึ้น”