เปิดแพ็กเกจสู้วิกฤตพลังงานชุดใหม่ หุ้นไหน ‘ได้-เสีย’ ประโยชน์

เปิดแพ็กเกจสู้วิกฤตพลังงานชุดใหม่ หุ้นไหน ‘ได้-เสีย’ ประโยชน์

ราคาน้ำมันดิบปีนี้ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง หลังสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย หนุนให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาคึกคักอีกครั้ง เลยทำให้มีความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น

ขณะที่ฝั่งซัพพลายยังตึงตัว หลังเกิดสงครามความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน โดยรัสเซียถือเป็นหนึ่งในผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ของโลก แต่เมื่อนานาชาติคว่ำบาตรรัสเซีย รัสเซียก็โต้กลับด้วยการลดส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติส่งผลให้ซัพพลายหายไปทันที

โดยล่าสุด “ก๊าซพรอม” บริษัทพลังงงานยักษ์ใหญ่ของรัสเซียระงับการส่งก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียไปยุโรปผ่านท่อส่งก๊าซนอร์ด สตรีม 1 อย่างไม่มีกำหนด ทำให้ยุโรปเสี่ยงที่จะต้องผชิญกับวิกฤตพลังงานรอบใหม่ในช่วงฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง

นอกจากนี้ “กลุ่มโอเปกพลัส” เพิ่งจะมีมติปรับลดกำลังการผลิตลง 100,000 บาร์เรล/วันในเดือน ต.ค. นี้ ถือเป็นการปรับลดกำลังการผลิตครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปี ยิ่งกดดันให้ซัพพลายในระบบลดลง สวนทางดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

โดยปีนี้ได้เห็นราคาน้ำมันดิบกลับมายืนทะลุ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลอีกครั้ง ตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากเริ่มบุกถล่มยูเครนเมื่อช่วงปลายเดือน ก.พ. และขึ้นมาทำจุดสูงสุดของปีเมื่อต้นเดือน มิ.ย. ทะลุ 120 ดอลลาร์/บาร์เรล

เปิดแพ็กเกจสู้วิกฤตพลังงานชุดใหม่ หุ้นไหน ‘ได้-เสีย’ ประโยชน์

ก่อนที่จะเริ่มย่อตัวลงมา ท่ามกลางตัวเลขเงินเฟ้อทั่วโลกที่พุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง ทำให้ธนาคารกลางประเทศต่างๆ ต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อคุมเงินเฟ้อ 

ผลพวงของการขึ้นดอกเบี้ย ทำให้เศรษฐกิจชะลอความร้อนแรงลงไปด้วย ทำให้กังวลว่าความต้องการใช้น้ำมันก็จะลดลง กลายเป็นปัจจัยถ่วงราคาน้ำมันในช่วงครึ่งปีหลัง 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าราคาน้ำมันช่วงนี้จะเริ่มย่อตัวลงมา แต่ก็ถือว่ายังทรงตัวสูง แถมมีโอกาสเร่งตัวขึ้นอีกในช่วงหน้าหนาว ดังนั้น เพื่อเป็นการรับมือกับความผันผวนที่จะเกิดขึ้น และช่วยเหลือแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้กับประชาชน ล่าสุดคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ได้ออกแพ็กเกจมาตรการบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมันรอบใหม่

มีหลายมาตรการน่าสนใจ ทั้งการคงสัดส่วนผสมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วอยู่ที่ 5% (B5) และขอความร่วมมือผู้ค้าน้ำมันคงค่าการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงกลุ่มดีเซล ไม่เกิน 1.40 บาท/ลิตร ไปจนถึงสิ้นปี 2565

ส่วนก๊าซหุงต้ม (LPG) ให้ตรึงราคาขายปลีกเดือน ต.ค. เท่ากับเดือน ก.ย. ที่ 408 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม จากปกติที่ต้องปรับขึ้นเป็นขั้นบันไดไปทุกเดือน กิโลกรัมละ 1 บาท

นอกจากนี้ ให้ปรับขึ้นราคาขายปลีกก๊าซ NGV สำหรับรถยนต์ทั่วไปเพียง 1 บาท/กิโลกรัม จาก 15.59 บาท/กิโลกรัมเป็น 16.59 บาท/กิโลกรัม และคงมาตรการช่วยเหลือกลุ่มรถแท๊กซี่ในโครงการ NGV เพื่อลมหายใจเดียวกันของ ปตท. โดยให้สามารถซื้อก๊าซ NGV ได้ในราคาเดิม13.62 บาท/กิโลกรัม เป็นเวลา 3 เดือน เริ่มตั้งแต่ 16 ก.ย. ถึง 15 ธ.ค. 2565

ขณะที่ค่าไฟให้คงแนวทางช่วยเหลือค่าไฟฟ้ากลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 500 หน่วยต่อเดือน ไปอีก 4 เดือน ตั้งแต่ ก.ย.-ธ.ค. 2565 ซึ่งจะนำเสนอที่ประชุม ครม. เพื่อรับทราบต่อไป

สำหรับชุดมาตรการที่ออกมาล่าสุดนี้ น่าจะช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายของพี่น้องประชาชนลงไปได้บ้าง ในช่วงที่ราคาพลังงานยังทรงตัวในระดับสูง ซึ่ง บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า 

แพ็กเกจมาตรการบรรเทาผลกระทบจากราคาพลังงานถือเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ได้แก่

  • CPALL
  • MAKRO
  • HMPRO
  • BJC
  • SNNP
  • BEC
  • ONEE
  • TIDLOR 

หลังภาครัฐเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย หนุนให้ประชาชนมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น แต่ในทางตรงกันข้ามกลายเป็นจิตวิทยาเชิงลบต่อกลุ่มสถานีบริการน้ำมันทั้ง OR และ PTG