ONSENS หุ้นสุขภาพ สปาไทย สไตล์ญี่ปุ่น เทรดวันแรกเหนือจอง 27.80% เดินหน้าสู่ Wellness ครบวงจรทั่วไทย

ONSENS หุ้นสุขภาพ สปาไทย สไตล์ญี่ปุ่น เทรดวันแรกเหนือจอง 27.80% เดินหน้าสู่ Wellness ครบวงจรทั่วไทย

หุ้น ONSENS เปิดซื้อขายในตลาดหุ้นวันแรกที่ราคา 2.62 บาท เพิ่มขึ้น 27.80% จากราคาจองซื้อ (IPO) ที่ 2.05 บาท โบรกเผยราคาเป้าหมายที่ 3 บาท คาดรายได้ปี 2569 อยู่ที่ราว 317 ล้านบาท เติบโต 13%YoY เดินหน้าสู่ Wellness ครบวงจรทั่วไทย

KEY

POINTS

  • หุ้น ONSENS หรือ บริษัท ออนเซ็น รีทรีต แอนด์ สปา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดซื้อขายในตลาดหุ้นวันแรกที่ราคา 2.62 บาท เพิ่มขึ้น 27.80% จากราคาจองซื้อ (IPO) ที่ 2.05 บาท
  • บริษัทดำเนินธุรกิจให้บริการออนเซ็นสไตล์ญี่ปุ่นผสมผสานกับสปานวดแผนไทย ภายใต้แบรนด์หลักคือ "ยูโนะโมริ ออนเซ็น แอนด์ สปา" และ "KLAI"
  • บริษัทมีแผนนำเงินจากการระดมทุนไปลงทุนในโครงการ Social Wellness Hotel and Spa ที่ทองหล่อ และขยายสาขาแบรนด์ในเครืออีก 7 สาขาภายในปี 2570 เพื่อเดินหน้าสู่การเป็นผู้ให้บริการด้าน Wellness แบบครบวงจรทั่วประเทศไทย

ความเคลื่อนไหว"ตลาดหุ้นไทย"ภาคเช้า ณ วันที่ 7 ต.ค.2568 เวลา 10.00 น.หุ้นน้องใหม่ ONSENS หรือ บริษัท ออนเซ็น รีทรีต แอนด์ สปา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเทรดวันแรกที่ 2.62 บาท เพิ่มขึ้น 0.57  บาท หรือที่ 27.80% จากราคา IPO ที่ 2.05 บาท

ONSENS หุ้นสุขภาพ สปาไทย สไตล์ญี่ปุ่น เทรดวันแรกเหนือจอง 27.80% เดินหน้าสู่ Wellness ครบวงจรทั่วไทย

ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ONSENS ประกอบธุรกิจหลักในการให้บริการออนเซ็นและสปาเพื่อสุขภาพ ผสมผสานวัฒนธรรมการแช่ออนเซ็นแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นเข้ากับบริการนวดแผนไทยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมถึงธุรกิจอื่นเพื่อสนับสนุนธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มภายใต้ชื่อร้าน “Happy Rice” และธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของใช้ในชีวิตประจำวัน

โดยวัตถุประสงค์ของการระดมทุนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ใช้เป็นเงินลงทุนในโครงการ Social Wellness Hotel and Spa ทองหล่อในส่วนพื้นที่สำหรับให้บริการออนเซ็นและสปา และพื้นที่เชิงพาณิชย์สำหรับให้เช่าร้านค้า รวมถึงชำระคืนเงินกู้ยืมกับสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ทั้งนี้ ประเมินมูลค่าเหมาะสมของ ONSENS สำหรับปี 2569 ที่ 3.00 บาทต่อหุ้น

นอกจากนี้ ONSENS ประกอบธุรกิจหลักในการให้บริการออนเซ็นและสปาเพื่อสุขภาพภายใต้ แบรนด์ ยูโนะโมริ ออนเซ็น แอนด์ สปา (Yunomori) จำนวน 4 สาขาแบ่งเป็น 3 สาขาในไทยที่ สุขุมวิท26 สาทร10 และพัทยา และสาขาในประเทศสิงคโปร์จำนวน 1 สาขา และธุรกิจสปาที่เน้นการนวดแผนไทยภายใต้แบรนด์ “KLAI” ให้บริการ 1 สาขาที่เยาวราช โดยรายได้ปี 2565-2567 เติบโตจาก 205.0 ล้านบาท เป็น 288.7 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย 18.7% ต่อปี และรายงานกำไรปี 2565-2567 เติบโตจาก 14.8 ล้านบาท สู่ 33.3 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย 50%ต่อปี ขณะที่รายได้และกำไรครึ่งปีแรกของปี 2568 อยู่ที่ 136.4 ล้านบาท และ 6.2 ล้านบาท หดตัว 2.5%YoY และหดตัว 66%YoY ตามลำดับ

อย่างไรก็ดี คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมสปาในประเทศไทยจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงปี 2566-2571 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 9.40% ต่อปี (CAGR ปี 2566-2571F) ซึ่งจะส่งผลให้มูลค่าตลาดสปาใน ประเทศไทยเพิ่มขึ้นจาก 61,935 ล้านบาท เป็น 97,089 ล้านบาท ในปี 2571 โดยการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดสปาในประเทศไทยได้รับการสนับสนุนจากปัจจัยกระแสที่ผู้คนให้ความสนใจกับการดูแลรักษาสุขภาพที่เพิ่มขึ้น รวมถึงความต้องการประสบการณ์ที่แตกต่างและมีเอกลักษณ์ 

ขณะที่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้กับการให้บริการสปา รวมถึงรายได้ต่อหัวคนของประชากรที่เพิ่มขึ้น และการขยายตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว 

นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วยนโยบายฟรีวีซ่า สำหรับนักท่องเที่ยวจากประเทศต่างๆ เช่น จีน อินเดีย และคาซัคสถาน ประกอบกับการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานในประเทศเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว เช่น โครงการปรับปรุงสนามบินกระบี่และการก่อสร้างสนามบินนานาชาติในอำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงาซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้การเดินทางท่องเที่ยวมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจัยดังกล่าวล้วนช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมสปาของไทยให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในอนาคต

โดยคาดการณ์รายได้ปี 2568 อยู่ที่ราว 280 ล้านบาท หดตัว 3%YoY เนื่องจากคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวปี 2568 จะชะลอตัวจากปีก่อน 2.8% สู่ 34.5 ล้านคน จากความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับดาราจีน และชาวมาเลเซีย ในปีนี้จะรับรู้รายได้จาก ธุรกิจ Yunomori Onsen ทั้ง 4 สาขา ธุรกิจสปา KLAI 1 สาขา และธุรกิจ สปาแบรนด์ใหม่ 1 สาขา สปาราคาจับต้องได้โดยเน้นการเปิดสาขาในห้างสรรพสินค้า ที่จะเปิดให้บริการเดือน พ.ย.2568 และคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น
จะอ่อนตัวลงจาก 45% สู่ 42% เนื่องจากธุรกิจสปามีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่าธุรกิจ Yunomori Onsen

ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารคาดว่าจะปรับตัวขึ้นจาก 69 ล้านบาท สู่ 72 ล้านบาท ตามการเพิ่มจำนวนพนักงาน และคาดการณ์กำไรสุทธิปี 68 ที่ 28 ล้านบาท ลดลง 17%YoY

ทั้งนี้ คาดการณ์รายได้ปี 2569 อยู่ที่ราว 317 ล้านบาท เติบโต 13%YoY เนื่องจากคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวปี 2569 จะกลับมาเติบโต 4%YoY สู่ 36 ล้านคน และได้แรงหนุนจากการเปิดสาขาสปาแบรนด์ใหม่ อีก 2 สาขา รวมเป็น 3 สาขา คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะปรับตัวดีขึ้น 1% สู่ 43% เนื่องจากธุรกิจ Yunomori Onsen และธุรกิจสปามีอัตราการใช้บริการที่เพิ่มขึ้น ด้านค่าใช้จ่ายใน การขายและบริหารคาดว่าจะปรับตัวขึ้นจาก 72 ล้านบาท สู่ 78 ล้านบาท ตามการเพิ่มจำนวนพนักงาน และคาดการณ์กำไรสุทธิปี 69 ที่ 43 ล้านบาท เติบโต 55%YoY

สมิทธิ์ เมฆอรุณกมล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออนเซ็น รีทรีต แอนด์ สปา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ONSENS กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทฯ ประกอบธุรกิจหลักในการให้บริการออนเซ็นสไตล์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม และสปาครบวงจร รายแรกในประเทศไทย ที่ตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคชาวไทยและต่างชาติ มาอย่างยาวนานกว่า 13 ปี ภายใต้แนวคิดการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม  “Holistic Wellness” ในรูปแบบที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ภายใต้แบรนด์ Yunomori และ KLAI บนทำเลศักยภาพ ใจกลางเมือง ย่านธุรกิจ และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ส่งผลให้ ONSENS มีฐานลูกค้าที่มาใช้บริการอย่างต่อเนื่องและมีความสมดุลระหว่างลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติ นอกจากนี้บริษัทยังได้ต่อยอดธุรกิจด้วยการพัฒนาแบรนด์ใหม่ PAK Massage ร้านสะดวกนวด ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองที่มองหาความคุ้มค่า

ภายหลังจากการระดมทุนครั้งนี้ บริษัทมีแผนในการนำเงินส่วนใหญ่ที่ได้จากการระดมทุนจำนวน 120 ล้านบาท เพื่อใช้ลงทุนในโครงการ Yunomori สาขาทองหล่อ ที่ตั้งเป้าให้เป็น Social Wellness Space สำหรับให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพและไลฟสไตล์อย่างครบวงจร ส่วนที่เหลือใช้เพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมกับสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของฐานะการเงินของบริษัทฯ สำหรับการขยายสาขาแบรนด์อื่น เช่น KLAI และ PAK Massage รวมอีก 7 สาขาภายในปี 2570

“บริษัทยึดมั่นในการสร้างประสบการณ์การดูแลสุขภาพแบบองค์รวมในรูปแบบที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ เพื่อให้การดูแลสุขภาพแบบองค์รวมทั้งกายและใจเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของทุกคน การระดมทุนในครั้งนี้จะช่วยเสริมศักยภาพการการเติบโตในอนาคตได้เป็นอย่างดี ทั้งในการสร้าง Flagship แห่งใหม่ สำหรับการดูแลรักษาสุขภาพ และการขยายธุรกิจให้ครอบคลุมฐานลูกค้าและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ได้กว้างมากยิ่งขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจในการดูแลสุขภาพทั้งกายและใจมากขึ้น  และมั่นใจว่าจะการระดมทุนครั้งนี้ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้บริษัทฯ พร้อมเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว ” นายสมิทธิ์ กล่าว