ONSENS หุ้น IPO สายแข็ง เทรด 7 ต.ค.นี้ พบ 'กนกศักดิ์' CEO บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ถือ 0.88%

หุ้นน้องใหม่ ONSENS จะเข้าซื้อขายวันแรกในวันที่ 7 ตุลาคม 2568 ด้วยราคาเสนอขาย IPO ที่ 2.05 บาทต่อหุ้น พบ กนกศักดิ์ ปิ่นแสง เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จำกัด ได้รับการจัดสรรหุ้น IPO จำนวน 700,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 0.88%
KEY
POINTS
- บริษัท ออนเซ็น รีทรีต แอนด์ สปา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ONSENS จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) เป็นวันแรกในวันที่ 7 ตุลาคม 2568 ด้วยราคาเสนอขาย IPO ที่ 2.05 บาทต่อหุ้น
- นายกนกศักดิ์ ปิ่นแสง ซึ่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จำกัด ได้รับการจัดสรรหุ้น IPO จำนวน 700,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 0.88%
- นายกนกศักดิ์ เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในหลายวงการ ทั้งตลาดทุน กีฬา และการเมือง ปัจจุบันยังดำรงตำแหน่งกรรมการ บมจ. ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ (WP) และเคยเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ มูลนิธิคิงเพาเวอร์
- นอกจากนี้ ยังมีชื่อของนายมานิต มัสยวาณิช บิดาของ "ฟลุ๊ค-เกริกพล มัสยวาณิช" ได้รับการจัดสรรหุ้น 600,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 0.75%
ตลาดหุ้นไทยกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังจากมีหุ้น IPO น้องใหม่หลายหลักทรัพย์พาเหรดเข้าเทรด ล่าสุดวันที่ 7 ต.ค. 2568 บริษัท ออนเซ็น รีทรีต แอนด์ สปา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ONSENS เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET เป็นวันแรกโดยบริษัทกำหนดราคา IPO ที่หุ้นละ 2.05 บาท
แต่ทว่าที่น่าสนใจตามแบบแสดงรายการข้อมูลที่แจ้งไว้ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ปรากฏรายชื่อของ นายกนกศักดิ์ ปิ่นแสง ได้รับการจัดสรรหุ้นจำนวน 700,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 0.88% ซึ่ง "กนกศักดิ์" นั้นจัดเป็นบิ๊กเนมกว้างขวางทั้งในวงการตลาดทุน วงการกีฬา วงการการเมือง ซึ่งปัจจุุบันดำรงตำแหน่ง กรรมการ บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ WP และที่สำคัญเป็นประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จำกัด ที่มีนาย เนวิน ชิดชอบ เป็นประธาน บริษัท และในอดีตเคยเป็นเลขาธิการสมาคมขี่ม้าโปโลแห่งประเทศไทย และเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ มูลนิธิคิงเพาเวอร์
นอกจากนี้ยังพบ มานิต มัสยวาณิช พ่อของ "ฟลุ๊ค-เกริกพล มัสยวาณิช ได้รับการจัดสรร 600,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 0.75%
นายสรวิศ ไกรฤกษ์ รองผู้จัดการ สายงานผู้ออกหลักทรัพย์ และสายงานการตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับ บมจ. ออนเซ็น รีทรีต แอนด์ สปา กรุ๊ป เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มบริการ หมวดการท่องเที่ยวและสันทนาการ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “ONSENS” ในวันที่ 7 ตุลาคม 2568 เพื่อใช้ประโยชน์จากการระดมทุนในการขยายธุรกิจลงทุนในโครงการ Social Wellness Space ตอบรับนโยบายการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) ของภาครัฐเพื่อผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพและการท่องเที่ยวระดับโลก
ONSENS ประกอบธุรกิจให้บริการออนเซ็นและสปาเพื่อสุขภาพ ภายใต้ 2 แบรนด์ ได้แก่ “ยูโนะโมริ ออนเซ็น แอนด์ สปา” (Yunomori) และ “คลาย สปา” (KLAI) โดยแบรนด์ Yunomori ถือเป็นผู้ให้บริการออนเซ็นสไตล์ญี่ปุ่นแห่งแรกของประเทศไทย มีความโดดเด่นด้วยประเภทบ่อออนเซ็นที่มีความหลากหลาย ภายใต้มาตรฐานการบริหารจัดการด้านความสะอาดและระบบการหมุนเวียนน้ำที่มีประสิทธิภาพ และให้บริการโดยพนักงานที่ผ่านการฝึกอบรมด้านเทคนิคและความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ปัจจุบันมีทั้งหมด 4 สาขา แบ่งเป็น ในประเทศไทย 3 สาขา ได้แก่ สุขุมวิท 26, สาทร 10 และพัทยา และในประเทศสิงคโปร์ 1 สาขา สำหรับแบรนด์ KLAI มุ่งเน้นให้บริการนวดเพื่อสุขภาพด้วยศาสตร์การนวดแผนไทยโบราณ เปิดให้บริการสาขาแรกซึ่งเป็นสาขา Flagship Store ที่เยาวราชเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา
นอกจากธุรกิจหลักแล้ว ONSENS ยังต่อยอดไปยังธุรกิจอื่น ประกอบด้วย 1) ธุรกิจจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มภายใต้ชื่อร้าน “Happy Rice” เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์โฮมเมด ตั้งอยู่ในสาขาของ Yunomori ทุกสาขา และ 2) ธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ประเภทของใช้ในชีวิตประจำวันที่ออกแบบร่วมกับศิลปินที่มีชื่อเสียง เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์สวยงามและใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน เช่น ชุดยูกาตะ ผ้าพันคอ ร่ม แก้วกาแฟ เป็นต้น
นายสมิทธิ์ เมฆอรุณกมล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ออนเซ็น รีทรีต แอนด์ สปา กรุ๊ป เปิดเผยว่า บริษัทมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่หุ้น ONSENS จะได้เข้าเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และเชื่อมั่นว่าจะสนับสนุนให้ ONSENS ก้าวสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจ Wellness & Spa แบบครบวงจร (Holistic Wellness) เพื่อรองรับเมกะเทรนด์ด้านการดูแลสุขภาพที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากกระแสผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสุขภาพและคุณภาพชีวิตมากขึ้น การระดมทุนในครั้งนี้ จึงเป็นการเสริมความแข็งแรงด้านเงินทุนให้บริษัท ใช้สำหรับลงทุนในโครงการ Social Wellness Space สาขาทองหล่อ ประกอบด้วยพื้นที่สำหรับให้บริการออนเซ็นและสปาและพื้นที่เชิงพาณิชย์ ส่วนที่เหลือจะใช้เพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมกับสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
ONSENS มีทุนชำระแล้วหลัง IPO 300 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก จำนวน 80 ล้านหุ้น โดยเสนอขายให้แก่บุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์และนักลงทุนสถาบัน ผู้มีอุปการคุณของบริษัท พนักงานของบริษัทและบริษัทย่อย และบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับบริษัท ระหว่างวันที่ 29 กันยายน -1 ตุลาคม 2568 ในราคาหุ้นละ 2.05 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 164 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 615 ล้านบาท ทั้งนี้ ราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) ที่ 29.21 เท่า โดยคำนวณจากกำไรสุทธิ 4 ไตรมาสล่าสุด (ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568) หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท ภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (Fully Diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.07 บาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ
ONSENS มีผู้ถือหุ้น 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ 1) กลุ่มนายสมิทธิ์ เมฆอรุณกมล ถือหุ้น 23.05% 2) นายไตรรัตน์ ธนารุ่งโรจน์ ถือหุ้น 13.43% และ 3) นายวรเวช ไตรกิศยเวช ถือหุ้น 10.72% โดยบริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการหลังหักสำรองต่างๆ ทุกประเภทที่กฎหมายและข้อบังคับของบริษัทกำหนดไว้ โดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เพื่อประโยชน์ของกิจการและผู้ถือหุ้นเป็นหลัก







