หุ้นน้องใหม่ SKIN เข้าเทรดวันแรก 24 ก.ย.นี้ โชว์แบรนด์ Skinsista–Dermie ลุยธุรกิจความงาม

หุ้นน้องใหม่ SKIN เข้าเทรดวันแรก 24 ก.ย.นี้  โชว์แบรนด์ Skinsista–Dermie ลุยธุรกิจความงาม

บมจ. สกิน ลาบอราทอรี่ เผยเตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai เป็นวันแรกในวันที่ 24 กันยายน 2568 เสนอขายหุ้น IPO จำนวน 44 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1.20 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 52.80 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO ที่ 172.80 ล้านบาท

KEY

POINTS

  • บมจ. สกิน ลาบอราทอรี่ (SKIN) ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ความงามภายใต้แบรนด์ Skinsista และ Dermie จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai เป็นวันแรกในวันที่ 24 กันยายน 2568
  • เสนอขายหุ้น IPO จำนวน 44 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1.20 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 52.80 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO ที่ 172.80 ล้านบาท
  • การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วน P/E ที่ประมาณ 12.0 เท่า โดยคำนวณจากกำไรสุทธิ 4 ไตรมาสล่าสุด (1 ก.ค. 67 - 30 มิ.ย. 68) ซึ่งเท่ากับ 15.05 ล้านบาท
  • บริษัทมีรายได้หลักในครึ่งปีแรก 2568 มาจากผลิตภัณฑ์เซรั่มบำรุงผิวหน้า (42.82%) และครีมกันแดด (41.76%) โดยมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายคือวัยรุ่นและวัยทำงานอายุ 18-30 ปี
  • เงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปใช้เพื่อพัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์ใหม่, ค่าใช้จ่ายด้านการตลาด, และขยายช่องทางการจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ

นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ mai ยินดีต้อนรับ บมจ. สกิน ลาบอราทอรี่ เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน mai ภายใต้กลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “SKIN” ในวันที่ 24 กันยายน 2568
 

ทั้งนี้ SKIN ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านความงามภายใต้แบรนด์หลักของบริษัท ได้แก่ Skinsista และ Dermie ซึ่งทั้งหมดเป็นผลิตภัณฑ์ที่บริษัทคิดค้น พัฒนาสูตรและบรรจุภัณฑ์ ร่วมกับโรงงานผู้ผลิตที่ได้มาตรฐานและนำมาจำหน่ายผ่านช่องทางที่หลากหลายทั้งร้านค้าปลีกสมัยใหม่ ร้านค้าทั่วไป และช่องทางออนไลน์ โดยมีกลุ่มลูกค้าหลัก ได้แก่ กลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน อายุ 18-30 ปี ที่ให้ความสนใจในการดูแลตัวเอง สำหรับครึ่งแรกปี 2568 บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากผลิตภัณฑ์เซรั่มบำรุงผิวหน้า ร้อยละ 42.82 ครีมกันแดด ร้อยละ 41.76 ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า ร้อยละ 9.26 ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าและอื่นๆ ร้อยละ 6.15

SKIN มีทุนชำระแล้วหลัง IPO 72 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 100 ล้านหุ้นและหุ้นสามัญเพิ่มทุน 44 ล้านหุ้น เสนอขายต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ไม่น้อยกว่า 33 ล้านหุ้น ผู้มีอุปการคุณของบริษัทไม่เกิน 6.6 ล้านหุ้น กรรมการ ผู้บริหาร และ/หรือ พนักงานของกลุ่มบริษัท รวมถึงผู้มีความสัมพันธ์ ไม่เกิน 4.4 ล้านหุ้น โดยเสนอขายผู้ลงทุนระหว่างวันที่ 15-17 กันยายน 2568 ในราคาหุ้นละ 1.20 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 52.80 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 172.80 ล้านบาท

ทั้งนี้ การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ประมาณ 12.0 เท่า คำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุดตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ถึง 30 มิถุนายน 2568 ซึ่งเท่ากับ 15.05 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.10 บาท โดยมีบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และมีบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญ
         
นายชาญวิทย์ เขียวนาวาวงศ์ษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. สกิน ลาบอราทอรี่ (SKIN) เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลากว่า 12 ปี บริษัทยึดมั่นในสโลแกนที่ว่า “ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าคุณภาพสูง เข้าถึงได้ไม่ต้องจ่ายแพง” จึงได้พัฒนาสินค้าคุณภาพเทียบเคียงเคาน์เตอร์แบรนด์ในราคาที่จับต้องได้ ปัจจุบันมีตราสินค้าหลัก ได้แก่ “Skinsista” จำนวน 33 รหัสสินค้า และ “Dermie” จำนวน 8 รหัสสินค้า สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้จะนำไปใช้เพื่อพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์เดิม ตลอดจนคิดค้น วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เกี่ยวเนื่องกับเครื่องสำอาง เวชสำอางบำรุงผิวหน้าหรือผิวพรรณ หรือผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ อีกทั้งเป็นค่าใช้จ่ายการตลาดและการประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ การขยายช่องทางการจำหน่ายและขยายฐานลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ

SKIN มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO คือ นายชาญวิทย์ เขียวนาวาวงศ์ษา ถือหุ้น 24.31% นางสาวณัฐพร พงษ์ชาญชวลิต (เป็นคู่สมรสกับนายชาญวิทย์) ถือหุ้น 24.31% และนายธนชัย ถนอมทรัพย์ ถือหุ้น 20.83% โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินหลังหักเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายกำหนดและตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับบริษัท