ไม่ผิดหวัง! หุ้นน้องใหม่ BKA ธุรกิจซื้อขายบ้านมือสอง เทรดวันแรกเหนือจอง 35.56%

ไม่ผิดหวัง! หุ้นน้องใหม่ BKA ธุรกิจซื้อขายบ้านมือสอง เทรดวันแรกเหนือจอง 35.56%

หุ้นน้องใหม่ BKA ธุรกิจซื้อขายบ้านมือสอง เปิดเทรดวันแรกที่ 2.44 บาท เพิ่มขึ้น 0.64 บาท หรือเพิ่มขึ้น 35.56% จากราคา IPO ที่ 1.80 บาท นักวิเคราะห์เผย การเติบโต อยู่ที่ 40% ช่วงปี 2568-2570

ความเคลื่อนไหว"ตลาดหุ้นไทย"ภาคเช้า ณ วันที่ 22 ก.พ.68 เวลา 10.00 น. หุ้นน้องใหม่ BKA หรือ บริษัท บางกอก แอสเซท อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเทรดวันแรกที่ 2.44 บาท เพิ่มขึ้น 0.64 บาท หรือเพิ่มขึ้น 35.56% จากราคา IPO ที่ 1.80 บาท

ไม่ผิดหวัง! หุ้นน้องใหม่ BKA ธุรกิจซื้อขายบ้านมือสอง เทรดวันแรกเหนือจอง 35.56%

บล.บียอนด์ เปิดเผยว่า หุ้น BKA เป็นหุ้น IPO ที่มีศักยภาพโดดเด่น มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะทรงตัวแต่ตัวเลขยอดขายบ้านมือสองมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทุกปี สอดคล้องกับดีมานด์บ้านแนวราบที่เติบโตอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะบ้านในระดับราคา 5-7 ล้านบาท และจากปัจจัยดังกล่าวจึงได้การตอบรับที่ดีจากนักลงทุนผ่านการจองซื้อหุ้นในช่วงที่ผ่านมา และที่สำคัญ Business Model ธุรกิจของ BKA ถือเป็นรายแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากธุรกิจของ BKA ไม่ใช่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยตรง แต่เป็นธุรกิจการให้บริการปรับปรุงบ้านมือสองเพื่อขายธุรกิจบ้านแต่ง ซึ่งรูปแบบธุรกิจเป็นการวางเงินประกัน เพื่อปรับปรุง และขายบ้าน โดยไม่ต้องลงทุนซื้อบ้านทั้งหลัง ทำให้บริษัทมีส่วนต่างของผลตอบแทน และมาร์จิ้นสูง เมื่อเทียบกับธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องลงทุนตั้งแต่การซื้อที่ดินและก่อสร้าง ดังนั้นด้วยศักยภาพและจุดเด่นจึงทำให้หุ้นน้องใหม่ BKA จึงได้รับความสนใจจากกลุ่มนักลงทุน

นอกจากนี้มองว่า ตลาดบ้านมือสองยังมีศักยภาพการเติบโต โดยเห็นได้จาก สถาบันการเงินและ AMC มีทรัพย์สินรอการขาย (NPA) ที่ค้างอยู่ในระบบจำนวนมาก และเป็นสินค้าบ้านมือสองทำเลดี ราคาคุ้มค่าต่อการลงทุน ซึ่งสอดรับกับการดำเนินธุรกิจของ BKA ที่ให้บริการปรับปรุงและขายบ้านมือสอง ซึ่งมีรายได้กระจายไปในบ้านแต่ง บ้านฝาก และบ้านตัด หลายโครงการในทำเลที่ดี

ทั้งนี้ BKA มี 3 จุดเด่นที่น่าลงทุน ได้แก่ 1.ธุรกิจบ้านมือสอง มีความได้เปรียบบ้านโครงการใหม่ ทั้งทำเลและราคาที่คุ้มค่ากว่า จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ 2.ธุรกิจบ้านแต่ง (Flipping) ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯ เป็นการวางเงินประกัน ปรับปรุง และขายบ้าน โดยไม่ต้องลงทุน ซื้อบ้านทั้งหลัง ทำให้ประหยัดเงินลงทุนได้มาก แต่ให้ผลตอบแทนสูง 3.เงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปขยายธุรกิจบ้านแต่ง รวมถึงพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับการซื้อขายบ้านมือสอง ซึ่งเป็นการต่อยอดทางธุรกิจในอนาคต อีกทั้งพร้อมได้คาดการณ์กำไรสุทธิ โดยมองอัตราการเติบโต CARG อยู่ที่ 40% ช่วงปี 2568-70 โดยในปี 2568 อยู่ที่ 72 ล้านบาท ปี 2569 ที่ 96 ล้านบาท และปี 2570 ที่ 115 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหนุนมาจากการเข้าถึงบ้านที่มีโครงสร้างยังดีอยู่พร้อมปรับปรุง แต่มีราคาถูกผ่าน NPA ของธนาคารต่างๆ และที่สำคัญกำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าที่ต้องการบ้านระดับราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป ยังมีแนวโน้มความต้องการสูง

อย่างไรก็ตาม จากศักยภาพความแข็งแกร่ง ส่งผลให้ BKA มีอัตราการเติบโตอย่างโดดเด่น โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2565-2567) มีรายได้รวม จำนวน 1,302.92 ล้านบาท 1,313.59 ล้านบาท และ 1,142.46 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิในปี 2565-2567 จำนวน 21.44 ล้านบาท 22.27 ล้านบาท และ 36.82 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับร้อยละ 1.65 ร้อยละ 1.70 และร้อยละ 3.22 ตามลำดับ

นายพชร ธนวงศ์เกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอก แอสเซท อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BKA เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมนำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เป็นวันแรก 22 เม.ย.2568 ในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ภายใต้ชื่อหลักทรัพย์ว่า “BKA” โดยบริษัทเชื่อมั่นว่าการเข้าซื้อขายในวันพรุ่งนี้ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจากพื้นฐานทางธุรกิจของ BKA เป็นผู้นำธุรกิจบริการซื้อ-ขายบ้านมือสองตกแต่งใหม่ ที่มุ่งให้บริการปรับปรุงบ้านมือสองเพื่อขาย ในรูปแบบธุรกิจบ้านแต่ง (Flipping) ธุรกิจนายหน้าซื้อ-ขาย อสังหาริมทรัพย์ (ธุรกิจบ้านฝาก) และธุรกิจซื้อบ้านมือสองมาปรับปรุงเพื่อขาย (ธุรกิจบ้านตัด) ที่ได้การยอมรับจากกลุ่มลูกค้าอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ก้าวสู่ “การเป็นที่หนึ่งเรื่องบ้านมือสอง”

อีกทั้งฐานะการเงินและกระแสเงินสดแข็งแกร่ง และมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ณ สิ้นปี 2567 อยู่ที่ระดับ 1.15 เท่า ประกอบกับเงินทุนที่ได้รับจากการระดมทุนครั้งนี้ ยิ่งทำให้บริษัทมีฐานทุนที่แข็งแกร่ง และพร้อมต่อยอดเพื่อขยายพอร์ตการให้บริการบ้านแต่ง (Flipping) เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบ้านมือสองที่มีศักยภาพการเติบโตจากสถาบันการเงินและบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) มีทรัพย์สินรอการขาย (NPA) ในระบบจำนวนมากซึ่งคุ้มค่าต่อการลงทุน รวมถึงการพัฒนาธุรกิจ Property Technology (Prop Tech) โดยสร้าง Platform ตัวกลางในการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ จากการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการค้นหาข้อมูลให้แก่ผู้ที่ต้องการซื้อบ้าน และเทคโนโลยีระบบเสมือนจริง (Virtual Reality) มาใช้ในการแนะนำบ้านให้กับผู้ที่ต้องการซื้อบ้านได้เห็นภาพบ้านเสมือนจริงผ่านระบบออนไลน์ ยิ่งสร้างโอกาสการเติบโตให้กับบริษัทในอนาคตอย่างมีนัยสำคัญ 

“การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวแรกสู่การเป็นบริษัทมหาชนอย่างเต็มตัว รวมถึงยังเป็นการสร้างโอกาสเติบโตให้กับบริษัท ทั้งฐานทุนที่เพิ่มขึ้น และการเพิ่มศักยภาพภาพลักษณ์องค์กร ให้เป็นที่น่าเชื่อถือและเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นด้วย ดังนั้นด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งทางธุรกิจ ประกอบกับทีมบริหารที่มีวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ธุรกิจที่ชัดเจน ยิ่งตอกย้ำว่า BKA มีโอกาสการเติบโตเพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงมองว่านักลงทุนที่ลงทุนไปพร้อมกับเราในวันนี้ก็จะเติบโตไปพร้อมๆกับ BKA เช่นกัน พร้อมกันนี้ เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน ทางผู้ถือหุ้นใหญ่และผู้ก่อตั้งบริษัทพร้อมใจกัน Lock-Up ตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมกัน 87% ของทุนชำระแล้วก่อน IPO หรือคิดเป็น 62.14% ของทุนชำระแล้วหลัง IPO เพื่อเป็นการยืนยันว่าวันที่หุ้นเข้าซื้อขายในกระดานเทรดวันแรกจะไม่มีการเทขายจากกลุ่มนี้ออกมาอย่างแน่นอน”