ราคาทองคำโลกทรงตัว บอนด์ยีลด์สูงขึ้นถ่วงแรงหนุนจากดอลลาร์อ่อน

ราคาทองคำโลกทรงตัว บอนด์ยีลด์สูงขึ้นถ่วงแรงหนุนจากดอลลาร์อ่อน

ราคาทองคำโลกทรงตัวเมื่อคืน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่สูงขึ้นจำกัดการขึ้นของทองคำ แม้ดอลลาร์อ่อนหนุน ตลาดรอข้อมูลเงินเฟ้อ PCE คาดทองคำจะไม่แตะระดับสูงสุดเดิม 

รอยเตอร์  รายงานราคาทองคำโลกแทบไม่เปลี่ยนแปลงในวันพฤหัสบดี (4 ธ.ค. 68)เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นหักล้างแรงหนุนจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ขณะที่ตลาดรอข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในวันศุกร์ เพื่อรับทราบแนวโน้มนโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ก่อนการประชุมเดือนธันวาคม

ราคาทองคำตลาดสปอต (Spot Gold) เพิ่มขึ้น 0.1% อยู่ที่ 4,210.49 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ณ เวลา 18.33 น. ตามเวลามาตรฐานกรีนิช 

ราคาทองคำตลาดซื้อขายล่วงหน้าของสหรัฐฯ (US Gold Futures) สัญญาส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ปิดตลาดสูงขึ้น 0.2% อยู่ที่ 4,243.00 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

"อัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้นช่วยจำกัดแนวโน้มขาขึ้นของทองคำ ไว้เล็กน้อย และดัชนีดอลลาร์โดยรวมก็ช่วยหนุนราคาทองคำ" เอ็ดเวิร์ด เมียร์ นักวิเคราะห์จาก Marex กล่าว

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ซึ่งตลาดใช้เป็นมาตรฐานอ้างอิงปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ดัชนีดอลลาร์สหรัฐแตะระดับต่ำสุดในรอบหนึ่งเดือน ทำให้ทองคำมีราคาที่เอื้อมถึงสำหรับผู้ซื้อต่างชาติ

ข้อมูลเมื่อวันพฤหัสบดีแสดงให้เห็นว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายใหม่ในสหรัฐฯ ลดลงเหลือ 191,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่าสามปี และต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 220,000 ราย

ขณะเดียวกัน รายงานของ ADP เมื่อวันพุธระบุว่าการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ ลดลง 32,000 ตำแหน่งในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบกว่าสองปีครึ่ง

นักเศรษฐศาสตร์กว่า 100 คนส่วนใหญ่ที่สำรวจโดยสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ในการประชุมนโยบายวันที่ 9-10 ธันวาคม เนื่องจากธนาคารกลางกำลังพยายามสนับสนุนตลาดแรงงานที่กำลังซบเซา

โดยทั่วไปแล้วอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงจะส่งผลดีต่อสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ย เช่น ทองคำ

คาดทองคำเคลื่อนไหวในกรอบแคบจนถึงสัปดาห์หน้า

ขณะนี้นักลงทุนกำลังจับตาดูรายงานดัชนีการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนกันยายน ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐฯให้ความสำคัญ ซึ่งจะประกาศในวันศุกร์นี้

“ตลาดคงจะไม่ขยับมากนักในระหว่างนี้ไปจนถึงสัปดาห์หน้า และสำหรับทองคำแล้ว เราน่าจะติดอยู่ในกรอบการซื้อขายที่ค่อนข้างแคบและไม่มีเหตุการณ์สำคัญไปอีกสักพัก” เมียร์กล่าว พร้อมเสริมว่าทองคำจะไม่กลับไปทดสอบระดับสูงสุดเดิมราว 4,400 ดอลลาร์ได้ในปีนี้

ขณะเดียวกัน โลหะเงินร่วงลง 2.6% มาอยู่ที่ 56.96 ดอลลาร์ หลังจากแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 58.98 ดอลลาร์ในวันพุธ ราคาโลหะเงินปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 97.3% ในปีนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากภาวะขาดแคลนอุปทานเชิงโครงสร้าง ความกังวลเกี่ยวกับสภาพคล่องในตลาด และการที่โลหะนี้ถูกบรรจุอยู่ในรายชื่อแร่สำคัญของสหรัฐฯ

ราคาแพลทินัมลดลง 1.7% มาอยู่ที่ 1,642.67 ดอลลาร์ ขณะที่แพลเลเดียมลดลง 1.4% มาอยู่ที่ 1,440.57 ดอลลาร์

อัปเดตราคาเช้านี้ (5 ธ.ค. 68)

บลูมเบิร์ก รายงานว่าราคาทองคำทรงตัวที่ 4,205.13 ดอลลาร์ โลหะเงินปรับตัวลดลง 0.2% มาอยู่ที่ 57.0225 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ณ เวลา 7:45 น. ตามเวลาสิงคโปร์ ขณะที่แพลทินัมและแพลเลเดียมแทบไม่เปลี่ยนแปลง ดัชนี Bloomberg Dollar Spot Index เพิ่มขึ้น 0.1% ในการซื้อขายก่อนหน้า

ราคาโลหะเงินทรงตัวหลังจากปรับตัวลดลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงต้นสัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรจากการดีดตัวขึ้นที่ถูกมองว่าร้อนแรงเกินไป ทองคำแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลง

เงินหรือทองคำขาวซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 57.05 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากร่วงลงมากกว่า 2% ในการซื้อขายก่อนหน้า หยุดสถิติขึ้นติดต่อกัน 8 วัน การย่อตัวในวันพฤหัสบดีทำให้เงินหลุดออกจากภาวะซื้อมากเกินไป หลังจากที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเกือบ 59 ดอลลาร์ในวันพุธ