ราคาทองคำโลกขยับขึ้น หลังจ้างงานสหรัฐลดลงหนุนเฟดลดดอกเบี้ย

ราคาทองคำโลกปรับตัวสูงขึ้นเมื่อคืน หลังจากข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนที่อ่อนแอตอกย้ำความคาดหวังว่าสหรัฐฯ จะลดอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า โลหะเงินแตะระดับสูงสุด
รอยเตอร์ รายงานราคาทองคำโลกปรับตัวสูงขึ้นในวันพุธ (3 ธ.ค.68) หลังจากข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนที่อ่อนแอตอกย้ำความคาดหวังว่าสหรัฐฯ จะลดอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า ขณะที่โลหะเงินแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ราคาทองคำสปอต (Spot Gold) เพิ่มขึ้น 0.1% อยู่ที่ 4,209.31 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ณ เวลา 10:03 น. ตามเวลาฝั่งตะวันออกสหรัฐ (15:03 GMT) หลังจากร่วงลงมากกว่า 1% ในการซื้อขายก่อนหน้า ขณะที่สัญญาทองคำล่วงหน้าสำหรับการส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ของสหรัฐฯ (US Gold Futures) เพิ่มขึ้น 0.5% อยู่ที่ 4,241.20 ดอลลาร์
ราคาโลหะเงินลดลง 0.2% อยู่ที่ 58.28 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 58.94 ดอลลาร์
“การที่ข้อมูล ADP ของเช้านี้ต่ำกว่าความเป็นจริง ประกอบกับราคาโลหะเงินที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนนี้ ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น” บ็อบ ฮาเบอร์คอร์น นักกลยุทธ์ตลาดอาวุโสของ RJO Futures กล่าว
รายงานการจ้างงานของ ADP ประจำวันพุธระบุว่า การจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ ลดลง 32,000 ตำแหน่งในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 10,000 ตำแหน่ง
ดัชนีดอลลาร์ลดลง 0.5% สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม ทำให้ทองคำมีราคาที่เอื้อมถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับผู้ถือสกุลเงินอื่นๆ
เครื่องมือติดตามเฟด FedWatch ของ CME แสดงให้เห็นว่ามีโอกาส 89% ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า ขณะที่โบรกเกอร์รายใหญ่ก็คาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายวันที่ 9-10 ธันวาคมเช่นกัน
ตลาดยังคงรอข้อมูลดัชนีการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (Personal Consumption Expenditures: PCE) เดือนกันยายน ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ ซึ่งจะประกาศในวันศุกร์ PCE ออกมาล่าช้ากว่ากำหนดจากภาวะชัตดาวน์ของสหรัฐที่ผ่านมา
อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงมีแนวโน้มที่จะเอื้อประโยชน์ต่อสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ย เช่น ทองคำ
ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้น 101% ในปีนี้ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสภาพคล่องในตลาดหลังจากที่เงินทุนไหลออกไปยังหุ้นสหรัฐฯ การที่โลหะเงินถูกบรรจุไว้ในรายชื่อแร่ธาตุสำคัญของสหรัฐอเมริกา และปัญหาขาดแคลนอุปทานในเชิงโครงสร้าง
“ความแข็งแกร่งของโลหะเงินเกิดจากความกังวลด้านอุปทานในระดับตลาดแลกเปลี่ยน” ฮาเบอร์คอร์นกล่าว พร้อมเสริมว่า ราคาเงินอาจแตะระดับ 60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในเร็ว ๆ นี้
นอกจากนี้ ราคาทองแดงก็ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันพุธ โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ ความกังวลเรื่องอุปทาน และปริมาณโลหะที่ลดลงในคลังสินค้าที่ขึ้นทะเบียนกับตลาดโลหะลอนดอน (London Metal Exchange)
ราคาแพลทินัมปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.6% มาอยู่ที่ 1,647.75 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่แพลเลเดียมลดลง 0.5% มาอยู่ที่ 1,455.34 ดอลลาร์
อัปเดตราคาเช้านี้ (4 ธ.ค. 68)
บลูมเบิร์ก รายงานว่าราคาโลหะเงินแทบไม่เปลี่ยนแปลง อยู่ที่ 58.4868 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ณ เวลา 7:13 น. ตามเวลาที่สิงคโปร์ หลังจากแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 58.9789 ดอลลาร์ในวันพุธ ราคาทองคำขยับขึ้น 0.1% สู่ระดับ 4,206.89 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาแพลเลเดียมปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ราคาแพลทินัมปรับตัวลดลงเล็กน้อย







