ราคาทองคำโลกร่วงลงจากการขายทำกำไร นักลงทุนเฝ้ารอเฟดลดดอกเบี้ย

ราคาทองคำโลกร่วงลงจากการขายทำกำไร นักลงทุนเฝ้ารอเฟดลดดอกเบี้ย

ราคาทองคำโลกร่วงลงเมื่อคืน จากการขายทำกำไร นักลงทุนจับตาสัญญาณเฟดลดดอกเบี้ยเดือนนี้ ตลาดคาดมีโอกาสสูง  นักวิเคราะห์ทำนายราคาทองคำอาจแตะ 5,000 ดอลลาร์ต้นปีหน้า

รอยเตอร์  รายงานราคาทองคำโลกร่วงลงมากกว่า 1% ในวันอังคาร (2 ธ.ค.68) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์ในการซื้อขายก่อนหน้า ขณะที่นักลงทุนรอข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐ ก่อนการประชุมนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า

ราคาทองคำตลาดสปอต (Spot Gold) ร่วงลง 1.1% มาอยู่ที่ 4,186.89 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อออนซ์ เมื่อเวลา 13:43 น. ตามเวลาฝั่งตะวันออกสหรัฐ (18:43 GMT)

ราคาทองคำล่วงหน้าของสหรัฐ (US Gold Futures)  ส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ปิดตลาดลดลง 1.3% มาอยู่ที่ 4,220.80 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อออนซ์

“น่าจะเป็นการเทขายทำกำไรเล็กน้อยเท่านั้น... จุดสนใจหลักของตลาดในช่วงหลังคือ การคาดการณ์การลดอัตราดอกเบี้ย และแนวโน้มดังกล่าวยังคงค่อนข้างคงที่” ปีเตอร์ แกรนท์ รองประธาน และนักกลยุทธ์อาวุโสด้านโลหะของ Zaner Metals กล่าว

“เราอยู่ในแนวโน้มที่จะนำไปสู่การทะลุกรอบขาขึ้นในที่สุด และผมยังคงเชื่อว่าราคาทองคำจะไปถึง 5,000 ดอลลาร์ในช่วงต้นปีใหม่” 

ข้อมูลล่าสุดที่ชี้ให้เห็นถึงภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ ที่ค่อยๆ ชะลอตัวลง ประกอบกับสัญญาณผ่อนคลายจากผู้กำหนดนโยบายของเฟด ได้ช่วยหนุนการคาดการณ์ของตลาดสำหรับการลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ สัปดาห์หน้า โดยผู้ค้าคาดว่ามีโอกาส 89% ที่จะเห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว

นักลงทุนยังจับตาดูรายงานการจ้างงานของ ADP เดือนพฤศจิกายน ในวันพุธ และดัชนีการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนกันยายน ที่ออกมาล่าช้า ซึ่งจะประกาศในวันศุกร์ PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดนิยมใช้ 

อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงมักจะส่งผลดีต่อทองคำที่ไม่ให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ย

ธนาคารกลางทั่วโลกซื้อทองคำ 53 ตันในเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 36% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน และเป็นความต้องการสุทธิรายเดือนสูงสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2568 ตามข้อมูลของสภาทองคำโลก

ด้านราคาโลหะเงินย่อลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 58.83 ดอลลาร์ ซึ่งทำไว้เมื่อวันจันทร์ อ่อนตัวลง 0.1% มาที่ 57.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ยังคงปรับขึ้นมากกว่า 100% ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน  

“ไม่มีปัจจัยใหม่ที่อธิบายการพุ่งขึ้นล่าสุดของราคาเงิน อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเดิมยังคงมีผลอยู่ นั่นคือ ภาวะอุปทานตึงตัว ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากสต๊อกที่อยู่ในระดับต่ำในตลาดเซี่ยงไฮ้” คอมเมิร์ซแบงก์ (Commerzbank) ระบุในบันทึก พร้อมเสริมว่า ธนาคารคาดว่าราคาเงินจะปรับขึ้นต่อไปอีก แม้จะในระดับปานกลาง ไปที่ 59 ดอลลาร์ในปีหน้า

ราคาแพลทินัมร่วงลง 2% มาอยู่ที่ 1,624.90 ดอลลาร์ และแพลเลเดียมเพิ่มขึ้น 2.3% มาอยู่ที่ 1,456.86 ดอลลาร์

  • อัปเดตราคาเช้านี้ (3 ธ.ค.68)

บลูมเบิร์ก รายงานราคาโลหะเงินทรงตัวที่ 58.47 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ณ เวลา 8:11 น. ตามเวลาสิงคโปร์ หลังจากแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 58.84 ดอลลาร์ในวันจันทร์ ขณะที่ราคาทองคำทรงตัวที่ 4,208.54 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากลดลงติดต่อกันสองวัน แพลทินัม และแพลเลเดียมปรับตัวลดลง

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์