ธปท.ห่วงน้ำท่วมใต้ หวั่นกดดันเศรษฐกิจ เร่งมาตรการช่วยลูกหนี้ พร้อมเปิดทางรัฐใช้งบฉุกเฉินพยุงฟื้นตัว

ธปท. ประเมินว่าน้ำท่วมภาคใต้ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจหลายภาคส่วน เช่น การท่องเที่ยว การค้า และเกษตร โดยเฉพาะในจังหวัดสงขลาและนครศรีธรรมราชซึ่งมีสัดส่วนจีดีพีรวมกัน 2.6% ของประเทศ และกำลังประเมินความเสียหายทั้งหมด ธปท. ได้กำชับให้สถาบันการเงินเร่งออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบโดยเร็ว ซึ่งรวมถึงการผ่อนปรนเกณฑ์การจัดชั้นหนี้เสีย และเปิดช่องทางให้ลูกหนี้ติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่สถาบันการเงินโดยตรงหรือสายด่วน ธปท. 1213
KEY
POINTS
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินว่าน้ำท่วมภาคใต้ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจหลายภาคส่วน เช่น การท่องเที่ยว การค้า และเกษตร โดยเฉพาะในจังหวัดสงขลาและนครศรีธรรมราชซึ่งมีสัดส่วนจีดีพีรวมกัน 2.6% ของประเทศ และกำลังประเมินความเสียหายทั้งหมด
- ธปท. ได้กำชับให้สถาบันการเงินเร่งออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบโดยเร็ว ซึ่งรวมถึงการผ่อนปรนเกณฑ์การจัดชั้นหนี้เสีย และเปิดช่องทางให้ลูกหนี้ติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่สถาบันการเงินโดยตรงหรือสายด่วน ธปท. 1213
- ธปท. มองว่ารัฐบาลรักษาการสามารถใช้งบกลางฉุกเฉินที่อนุมัติไว้แล้ว เพื่อการฟื้นฟูและเยียวยาผู้ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที เพื่อให้เศรษฐกิจสามารถฟื้นตัวได้
ปราณี สุทธศรี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์"น้ำท่วมภาคใต้"มีทั้งความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเฉพาะที่หยุดชะงักทันไม่ว่าจะเป็นภาคของการท่องเที่ยว ภาคการค้า ภาคการผลิตและภาคเกษตร ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประเมินความเสียหายว่าจะอยู่ขนาดไหน โดยมูลค่าเศรษฐกิจของจังหวัดสงขลาและนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญของภาคใต้ ทั้งปีจะมีจีดีพีอยู่ที่ประมาณ 2.6% ของจีดีพีในประเทศ
ขณะเดียวกัน ผลกระทบของ การท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวมาเลเซียเฉลี่ยเข้ามาประมาณวันละ 10,000 คน ซึ่งก็ถือว่าเป็นผลกระทบหลัก ๆ ที่ประเมิน อย่างไรก็ตามยังคงต้องมีการ recover ในเรื่องของการเยียวยา และกิจกรรมการซ่อมสร้างที่จะตามมา ส่งผลให้ผลของเศรษฐกิจยังคงอยู่ระหว่างการรอประเมิน ซึ่งจะร่วมพิจารณาพร้อมกับพัฒนาการอื่น ๆ ของเศรษฐกิจ ที่จะประกาศประมาณการของเศรษฐกิจในวันที่ 17 ธ.ค.2568 ที่จะมีการประชุม กนง.
ส่วนผลกระทบที่มีต่อประชาชนค่อนข้างมาก ทาง ธปท. เล็งเห็นว่า ลูกหนี้ต้องได้รับความช่วยเหลือ ที่ผ่านมาได้มีการเน้นย้ำกำชับให้สถาบันการเงินเร่งให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบ และภายใต้แนวทางของการผ่อนปรนที่ ธปท.มีหลักเกณฑ์ในการช่วยเหลือเวลาเกิดภัยพิบัติอยู่ ซึ่งที่ผ่านมาได้เห็นว่าแต่ละธนาคารได้มีการทยอยออกมาตรการที่ช่วยลูกค้าในแต่ละพื้นที่ที่มีความจำเป็น ซึ่ง ธปท. ได้มีการมอนิเตอร์ตลอดเวลา ที่ต้องการความช่วยเหลือ และได้มีการหารือกับธนาคารต่อไป ทั้งนี้ภายใต้มาตรการผ่อนปรน เรื่องของการจัดชั้นหนี้เสียมีการผ่อนปรนให้ด้วย โดยมาตรการของการจัดหนี้เสีย จะมีการเข้าไปดูแลให้เร็ว และผ่อนปรนเรื่องของการจัดชั้นด้วย
อย่างไรก็ตาม หากลูกหนี้ที่ต้องการของความช่วยเหลือสามารถติดต่อได้ที่สถาบันการเงินได้ทันที และหากต้องการติดต่อสอบถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ ธปท.สายด่วน 1213 ซึ่งทาง ธปท.มีความห่วงใยลูกหนี้และผู้ที่ได้รับผลกระทบทุกราย และขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่าน ขอให้ปลอดภัยและสถานการณ์คลี่คลายได้โดยเร็ว
"ทางแบงก์ชาติมีการเข้าไปช่วยดูแลในพื้นที่ที่ได้รับภัยพิบัติมาตรการดังกล่าวก็จะมีผลทันที ซึ่งหากทางแบงก์มีความติดขัดก็สามารถติดต่อสถาบันการเงินได้โดยตรง แต่ถ้าสถาบันการเงินในพื้นที่จะมีการดูแลลูกในพื้นที่อยู่ เพราะในช่วงที่ลูกหนี้มาติดต่อไม่ได้ก็ให้เข้าไปดูแลในส่วนของการช่วยเหลือ และดูในเรื่องของการจัดชั้นด้วยในเรื่องของลูกหนี้ที่ติดต่อไม่ได้ หรือหากลูกหนี้ที่ไม่ได้รับความสามารถติดต่อเข้ามาที่ ธปท.ได้"
อย่างไรก็ดีจากที่ได้เห็นมาตรการรัฐที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง จากมาตรการต่าง ๆ ยังต้องพิจารณาดูว่าจะสามารถช่วยเหลือได้มากน้อยแค่ไหน แต่ทว่าหากไม่เพียงพอเชื่อว่า จะมีมาตรการออกมาเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถผ่านพ้นช่วงที่ยากลำบากนี้ไปได้
ทั้งนี้ในส่วนของการฟื้นฟู และเยียวยาหลังจากนี้มองว่า กรอบงบประมาณที่รัฐบาลได้มีการอนุมัติไว้แล้วในส่วนของงบกลางฉุกเฉินที่สามารถใช้ได้ ซึ่งรัฐบาลปัจจุบันเป็นรัฐบาลรักษาการเชื่อว่าน่าจะไม่มีช่วงที่จะสะดุด เพื่อหากเป็นเรื่องที่เร่งด่วนของประชาชนต้องมีมาตรการออกมาช่วยเหลือได้ทันการ







