‘เจวี เอเอ็มซี’ ลดหนี้ฟื้น ศก. 3 แบงก์สนใจตั้ง ลุยสางหนี้ค้างในระบบ

“ผู้ว่าฯ ธปท.” แย้มแบงก์พาณิชย์แห่สนใจจัดตั้ง “เจวี เอเอ็มซี” 2-3 แห่ง ภายหลัง ธปท.ประกาศเกณฑ์ หวังช่วยแก้ปัญหาหนี้เสียในระบบ “แบม” ลุ้นปิดดีลตั้งบริษัทร่วมทุนปีนี้ 1 ดีล และปีหน้าอีก 1 ดีล รวมกับแบงก์ใหญ่ “ไทยพาณิชย์-กรุงไทย” รับคุย “เอเอ็มซี” เพื่อบริหารหนี้เสียในพอร์ต “แบงก์กรุงเทพ-ทีทีบี” ชี้มีกลไกบริษัทหนี้เสียอยู่แล้ว ด้าน ธ.ก.ส.จ่อตั้งเอเอ็มซีภายในองค์กร
KEY
POINTS
- ผู้ว่าฯ ธปท.แย้ม หลังออกประกาศ JV AMC มีธนาคาร 2-3 แห่งแสดงความสนใจจัดตั้ง
- BAM ลุ้นปิดดีลจัดตั้ง JV AMC กับสถาบันการเงินรายใหญ่ได้อย่างน้อย 1 แห่งในปี 2568 เพื่อเป็นกลไกขยายธุรกิจ และบริหารจัดการหนี้
- ธนาคารไทยพาณิชย์ มองว่าการจัดตั้ง JV AMC เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารหนี้
- ธนาคารกรุงไทย ชี้อยู่ระหว่างการเจรจา และคาดว่าจะมีความชัดเจนเรื่องการจัดตั้ง JV AMC ในช่วงต้นปีหน้า
- ธนาคารกรุงเทพ ชี้ยังไม่มีแนวคิดจัดตั้ง JV AMC โดยเลือกที่จะบริหารจัดการหนี้เสียด้วยกลไก และทีมงานภายในของธนาคารเองเป็นหลัก
- ธนาคารทหารไทยธนชาต ชี้มีบริษัทลูกที่ทำหน้าที่บริหารจัดการหนี้เสียได้อย่างมีประสิทธิภาพอยู่แล้ว
- ธ.ก.ส. เล็งใช้ "AMC in House" หรือการบริหารจัดการหนี้เสียภายในองค์กรเอง
ความอ่อนแอของฐานะทางการเงินของครัวเรือนจำนวนมากทำให้การจับจ่าย การลงทุน และการหมุนเวียนของเศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ “ภาคธุรกิจขนาดเล็ก” จำนวนมากไม่สามารถเข้าถึง “สินเชื่อใหม่ได้” เพราะมีภาระหนี้เดิมค้างคา ยังเป็นปัญหาที่ขยายกว้างจนส่งผลเป็นลูกโซ่ต่อเศรษฐกิจโดยรวม
แม้ช่วงที่ผ่านมา ภาครัฐ ภาคเอกชน และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เร่งออกมาตรการหลายรูปแบบ ทั้งการแก้หนี้นอกระบบ การปรับโครงสร้างหนี้ในระบบ และการช่วยเหลือลูกหนี้ที่อ่อนไหว แต่โจทย์ “แก้หนี้อย่างเป็นวงจร” ยังไม่ประสบผลเต็มรูปแบบ
เช่นเดียวกับโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ที่ ธปท.เริ่มตั้งแต่ปี 2567 ช่วยลูกหนี้จำนวนหนึ่งได้แต่ไม่สามารถช่วยได้ครอบคลุมหรือกว้างขวางพอสำหรับปัญหาที่ใหญ่ และฝังลึกอย่างปัญหาหนี้ครัวเรือนไทย
ดังนั้น การแก้ปัญหาเรื้อรังอาจต้องใช้มาตรการมากขึ้น จนนำมาสู่ความร่วมมือครั้งสำคัญของกระทรวงการคลัง ธปท. และสมาคมธนาคารไทย ผ่านโครงการแก้หนี้เสียรายย่อยต่ำกว่า 100,000 บาท “ปิดหนี้ไว ไปต่อได้” เพื่อช่วยลูกหนี้กลุ่มใหญ่ให้ “กลับเข้าสู่ระบบ” ได้
สิ่งที่ ธปท.กำลังดำเนินการ คือ JV AMC หรือ บริษัทร่วมทุนบริหารสินทรัพย์ ที่ล่าสุด ธปท.ได้ออกประกาศกรอบกฎหมายอย่างเป็นทางการ เป้าหมายคือ เป็นเครื่องมือพิเศษที่จะช่วยให้สถาบันการเงินจัดการ “หนี้เสียในระบบ” ได้มีประสิทธิภาพขึ้นเพื่อเป็นกลไกช่วยแบงก์ปลดภาระหนี้เสียที่ค้างในระบบ
- ธปท.รับมีแบงก์ 2-3 แห่ง สนตั้ง JV AMC
นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าฯ ธปท.กล่าวถึงการจัดตั้ง JV AMC ว่า เป็นอีกหนึ่งมาตรการที่ได้รับความสนใจอย่างมากหลังจาก ธปท.ออกประกาศล่าสุดเมื่อสัปดาห์ก่อน เปิดทางให้ธนาคารพาณิชย์สามารถจัดตั้ง JV AMC ได้อีกครั้ง หลังจากประกาศเดิมหมดอายุไปตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค.2567 ส่งผลให้ธนาคารที่ต้องการตั้งบริษัทลักษณะนี้ไม่สามารถดำเนินการได้มาระยะหนึ่ง
ดังนั้น การตั้ง JV AMC ถือเป็นโครงการแก้หนี้อีกแบบหนึ่งซึ่งมีประโยชน์ต่อระบบ และสามารถช่วยลูกหนี้ได้ แต่ยอมรับว่าความลึกหรือระดับการผ่อนปรนที่ทำได้อาจไม่เท่ากับโครงการที่เน้นช่วยเหลือลูกหนี้เปราะบางในระดับลึกมาก ๆ อย่าง โครงการที่ ธปท.ทำช่วงที่ผ่านมา แต่การมีเครื่องมืออีกชุดย่อมเพิ่มทางเลือกการจัดการหนี้หลากหลายขึ้น
สำหรับการออกประกาศใหม่เพื่อเอื้อให้แบงก์ นอนแบงก์ และ AMC ตั้ง JV AMC ร่วมกันได้ เบื้องต้นจากที่ติดตามพบมีธนาคารพาณิชย์อย่างน้อย 2-3 แห่ง สนใจตั้ง JV AMC เพื่อเป็นอีกหนึ่งแนวทางแก้ปัญหาหนี้เสีย
โดยเฉพาะการโอนหนี้บางส่วนออกจากงบดุลของธนาคารไปอยู่ในการบริหารจัดการของ AMC โครงสร้างนี้จะช่วยให้ธนาคารมีพื้นที่แก้ไขปัญหาหนี้ค้างสะสม และสร้างช่องทางใหม่ดูแลลูกหนี้ที่ยังมีศักยภาพปรับตัวได้ภายใต้รูปแบบการบริหารที่ยืดหยุ่นขึ้น
- จ่อปิดดีลปีนี้-ปีหน้า 2 แบงก์ใหญ่
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM กล่าวว่า สำหรับ JV AMC ล่าสุดได้หารือสถาบันการเงินรายใหญ่ 2-3 แห่ง คาดว่ามีอย่างน้อยปี 2568 ปิดดีลได้ และอีกหนึ่งรายคาดว่าปิดดีลได้ปี 2569 ซึ่งอยู่ระหว่างการหารือรายละเอียดถึงทรัพย์ที่จะนำมาอยู่ภายใต้การบริหารของ JV AMC
ทั้งนี้ JV AMC จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนแนวคิด “สร้างจักรวาลของ BAM” ให้เติบโตออกไปอย่างมีระบบ เพราะการ JV AMC ไม่เพียงเป็นส่วนขยายธุรกิจ แต่เป็นเครื่องมือสำคัญในการเพิ่มพลังให้ BAM โดยไม่เพิ่มภาระให้คนทำงานทั้งองค์กร
รวมทั้ง JV AMC เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ “กระสุน 3 นัด” ผ่านการแต่งงานหรือร่วมทุนจริงจัง ไม่ใช่ความร่วมมือแบบหลวมๆ หรือชั่วคราว ที่ต้องตั้งใจจริง มีพันธะผูกพัน และใช้โครงสร้างเดิมที่คู่ค้าสร้างไว้ ไม่ใช่เครื่องยนต์ใหม่ของ BAM
“การแต่งงานหรือ JV AMC ช่วงที่ผ่านมา ทำไปแล้ว 2 ราย คนแรกมีกำไร 82 ล้านบาท คนที่สองทำกำไรได้ 73 ล้านบาท ซึ่งผลกำไรทั้งสองคนรวมกันถือว่าคุ้มค่าสินสอด และเป็นผลประกอบการน่าประทับใจ และหวังว่าบริษัทใหม่ภายใต้ JV AMC ในอนาคตจะมีมูลค่ากองหนี้ที่เข้ามาในระยะ 3-5 ปีไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาท”
- JV AMC กลไกช่วยจัดการหนี้เสีย
นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า แนวคิดและทิศทางการตั้ง JV AMC หรือบริษัทร่วมทุนระหว่างธนาคาร และบริษัทบริหารสินทรัพย์ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญช่วยธนาคารปรับโครงสร้างหนี้ และเพิ่มความคล่องตัวทางธุรกิจได้ยั่งยืน
สำหรับ ธนาคารไทยพาณิชย์ แม้สถานะการตั้ง JV AMC ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้เพราะอยู่ระหว่างพูดคุย และเตรียมการ แต่ยืนยันว่ากระบวนการนี้เดินหน้าต่อเนื่องและพยายามทำให้เสร็จเร็วที่สุด
“แม้ยังเปิดเผยไม่ได้ว่ากำลังเจรจากับคู่ค้าใดบ้างหรือมีกี่ราย แต่สิ่งที่ชัดเจนคือ การพูดคุยนั้นยังดำเนินอยู่ และมีความคืบหน้าในทางที่ดี”
ทั้งนี้ การตั้ง JV AMC ไม่เป็นเพียงแนวคิด แต่เป็นสิ่งที่ “มีความจำเป็น” สำหรับระบบธนาคาร โดยเฉพาะภาวะที่ธนาคารต้องรักษาสภาพคล่องให้เพียงพอ และต้องการพื้นที่ปล่อยสินเชื่อต่อเนื่อง ความจำเป็นดังกล่าวทำให้การเดินหน้าตั้ง JV AMC จึงไม่ใช่เรื่องทางเลือก แต่เป็นสิ่งที่ต้องทำเพื่อให้ธนาคารปรับสมดุลระหว่างการบริหารสินทรัพย์กับการสนับสนุนเศรษฐกิจได้เหมาะสม
โดยวัตถุประสงค์สำคัญที่สุดของการจัดตั้ง JV AMC คือ “การปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการหนี้” โดยมีเป้าหมายให้กระบวนการทั้งหมดของธนาคารตั้งแต่การถือครองหนี้ การจัดการ การขาย หรือการปล่อยสินเชื่อใหม่ มีความคล่องตัว และยืดหยุ่นมากขึ้น
“เมื่อเข้าสู่ช่วงต้นปีหน้า หากการตั้ง JVAMC เสร็จจะเริ่มเห็นโครงการนำร่องจริงที่ธนาคาร และ JVAMC ทำงานร่วมกัน ซึ่งเป็นเวลาสำคัญของการทดสอบระบบ และหากโครงการนำร่องไปได้ดี สัดส่วนการขายสินทรัพย์จากธนาคารให้ JVAMC อาจเพิ่มขึ้นลำดับต่อไป”
- กรุงไทยลุ้นปิดดีลตั้ง JV AMC ต้นปีหน้า
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า แนวคิดการจัดตั้ง บริษัทบริหารสินทรัพย์ร่วมทุน (JV AMC) ว่าเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ระบบการเงินสามารถใช้บริหารจัดการปัญหาหนี้ได้ โดยขณะนี้ธนาคารอยู่ระหว่างการพูดคุยโดยคาดว่าต้นปีหน้าจะมีความชัดเจนเกี่ยวกับการจัดตั้ง JV AMC ได้
ขณะนี้การแก้ปัญหาหนี้มีสองส่วนคือ หนี้รายย่อย ไม่เกิน 100,000 บาทที่จะเข้าสู่กลไกการแก้หนี้ผ่าน SAM ผ่านโครงการ “ปิดหนี้ไว ไปต่อได้” ขณะที่มีอีกกลุ่มที่ไม่สามารถเข้าโครงการนี้ได้ หรือกลุ่มลูกหนี้ที่เหลือ เช่นลูกหนี้มีหลักประกัน
ส่วนนี้ก็จะยังคงใช้กลไกการขายหนี้ตามปกติในตลาด หรือผ่าน JV AMC ในอนาคตที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาหนี้ที่เหลือให้ได้รับการแก้ไขต่อไป
“หากทุกเครื่องมือพร้อม ช่วงเวลานี้เป็นจังหวะที่ควรจะใช้เครื่องมือดังกล่าว ซึ่งธนาคารอาจตั้ง JV AMC ได้หลายราย แล้วแต่กรณี และความต้องการของพอร์ต และพันธมิตรที่แตกต่างกัน โดยไม่จำเป็นต้องจำกัดเพียงรายเดียว เพราะวันนี้เครื่องมือทั้งหมดพร้อมก็สามารถดำเนินการควบคู่กันได้เพื่อให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกหนี้ที่หลากหลาย”
- เน้นบริหารหนี้เสียเอง ยังไม่สนใจตั้ง JV AMC
นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL กล่าวว่า แนวทางการบริหารจัดการหนี้ของธนาคารขณะนี้ ธนาคารยังคงบริหารจัดการหนี้เสียด้วยกลไกภายในของธนาคารเอง จากทรัพยากร ทีมงานของตัวเองในการบริหารหนี้ของธนาคารเองเป็นหลัก มากกว่าจะเข้าไปตั้งร่วมทุนกับภายนอกในรูปแบบ JV AMC ดังนั้นขณะนี้ยังไม่มีแนวคิดจัดตั้ง JV AMC
โดยกลไกในการบริหารหนี้เชื่อว่า ธนาคารกรุงเทพยังทำหน้าที่ได้มีประสิทธิภาพ แต่ธนาคารพร้อมให้ความร่วมมือภาครัฐโดยเฉพาะการแก้ปัญหาหนี้รายย่อยต่ำกว่า 100,000 บาท เพื่อช่วยลดระดับหนี้เสียรายย่อย และช่วยให้ระบบการเงินสามารถฟื้นตัว และขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป
นายฐากร ปิยะพันธ์ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB กล่าวว่า ในบริบทระบบการเงินไทยปัจจุบันธนาคารพาณิชย์หลายแห่งกำลังดำเนินการบริหารจัดการหนี้ ทั้งขายออก
ซึ่งถือเป็นกลไกปกติอยู่แล้ว ดังนั้น การแก้หนี้อาจไม่จำเป็นต้องตั้ง AMC เป็นทางเลือกหลักเสมอไป
โดยเฉพาะสินทรัพย์บางประเภท เช่น บ้านหรือโรงงาน อาจต้องใช้เวลาในการจัดการมากกว่า แต่โดยทั่วไปแนวปฏิบัติของธนาคารคือ การจัดการแล้วนำไปขายออกเป็นวิธีที่ใช้กันอยู่ ซึ่งมีข้อดีคือ ได้เงินเร็ว และช่วยเคลียร์ยอดในงบดุล (balance) ได้ทันที ดังนั้นสำหรับธนาคารที่มีความสามารถในการจัดการ และขายหนี้ออกได้ดีอยู่แล้ว
ส่วนของ TTB ปัจจุบันมีบริษัทลูก ที่ทำหน้าที่จัดการหนี้เสียอยู่แล้ว ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่รับหน้าที่ผ่องถ่าย NPL ออกจากงบดุลไปไว้ที่บริษัทลูกเหล่านี้เพื่อดูแลจัดการ หากบริษัทลูกทำได้ไม่สำเร็จก็ยังมีทางเลือกในการขายออกอยู่ดี ดังนั้นความสามารถของธนาคารในการสร้างกลไกภายในนี้
“การตั้ง JV AMC มีหลายโจทย์ที่ต้องคิดว่าตั้งแล้วได้ประโยชน์อะไรมากขึ้น หากสถาบันมีทีมบริหารหนี้ และกระบวนการที่มีประสิทธิภาพอยู่แล้ว การโยกหนี้ไปให้ JV อาจไม่คุ้มค่า เพราะสิ่งที่ต้องแลกมาอาจเป็นการเสียส่วนแบ่งหรือการลดทอนการควบคุมกระบวนการจัดการหนี้ของธนาคารเอง แต่หากธนาคารทำสิ่งเหล่านั้นได้ไม่ดี การ JV AMC ก็เป็นทางเลือกที่ดีในการจัดการปัญหาหนี้ค้าง”
- ธ.ก.ส.จ่อตั้ง AMC in House
นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า มาตรการแก้ปัญหาหนี้ภาคเกษตรของ ธ.ก.ส. จะดำเนินการในรูปแบบ AMC in House
โดยไม่ได้เป็นการตั้งหน่วยงาน AMC ขึ้นมาใหม่ แต่เป็นการบริหารจัดการภายในภายใต้กรอบอำนาจที่ ธ.ก.ส.มีอยู่
ทั้งนี้ จะเสนอแผนดำเนินงานนี้ต่อคณะกรรมการธนาคาร (บอร์ด) ที่มีนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธาน ภายในสิ้นเดือนพ.ย.นี้ และอาจมีบางส่วนต้องขอความเห็นชอบเพิ่มจากคณะรัฐมนตรี (ครม.)
นายฉัตรชัย กล่าวว่า แนวทางแก้ปัญหาหนี้ภาคการเกษตรไม่เหมือนรูปแบบการโอนหนี้เสีย (NPL) ให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) บริหารจัดการ เพื่อตัดหนี้ออกจากระบบเหมือนที่ธนาคารพาณิชย์ทำได้ เนื่องจากสินเชื่อภาคเกษตรแตกต่างหลายมิติ ได้แก่
1.ลักษณะของสินเชื่อ เกษตรกรขอสินเชื่อตามรอบการเก็บเกี่ยวผลผลิต ซึ่งผลผลิตแต่ละชนิดมีรอบไม่เท่ากัน และเกษตรกรหนึ่งรายไม่ได้ปลูกสินค้าเกษตรชนิดเดียว
ดังนั้นลูกค้า ธ.ก.ส. 1 ราย ขอสินเชื่อหลายบัญชีจึงไม่สามารถโอนหนี้เสียไปเพื่อปิดจบหนี้ได้ แต่จะมีลักษณะไปช่วยลดภาระการผ่อนจ่ายหนี้
2.ลักษณะหลักทรัพย์ค้ำประกันสำหรับสินเชื่อเกษตรกร ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันที่เป็นแหล่งสร้างรายได้ เช่น ที่ดินเพื่อการเกษตร ซึ่งหากยึดหลักทรัพย์ไปเกษตรกรจะขาดความสามารถชำระหนี้ ซึ่งต่างจากสินเชื่อทั่วไป เช่น สินเชื่อบ้าน รถยนต์ บัตรเครดิต ที่หลักทรัพย์ไม่ใช่แหล่งสร้างรายได้
สำหรับแผนที่จะเสนอบอร์ดจะกำหนดรูปแบบโครงสร้าง และกลไกดำเนิน จากนั้นจะคัดกรองว่าหนี้กลุ่มใดที่ควรเข้ากระบวนการแก้หนี้ภายใต้วัตถุประสงค์ช่วยเกษตรกรรายย่อยผ่อนปรน ลดภาระหนี้ และขยายเวลาผ่อนชำระหนี้ให้ตัวเบาขึ้น และกลับมาทำมาหากินได้
“การพิจารณากลุ่มหนี้ ซึ่งอาจรวมถึงหนี้เสีย หนี้เรื้อรัง (Persistent Debt) หรือกลุ่มผู้สูงอายุเกิน 70 ปีขึ้นไป ซึ่งขณะนี้หลายบัญชีอยู่ระหว่างการพักชำระหนี้ ทั้งหนี้ที่มีหลักประกัน และไม่มีหลักประกัน"
รายงานข่าวเปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง ได้ให้ ธ.ก.ส.จัดตั้งบริหารสินทรัพย์เพื่อจัดการหนี้ลักษณะเดียวกับการแก้หนี้ครัวเรือนทั่วไป แต่ปรับให้เข้ากับพฤติกรรมเฉพาะของกลุ่มเกษตรกร ซึ่งจะมุ่งเป้าที่การแก้ไขหนี้ของเกษตรกรที่เป็นหนี้เสีย 100,000 คน มีมูลค่าหนี้รวม 7,000-8,000 ล้านบาท
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







