2 แบงก์ใหญ่ รุกตั้ง ‘เจวี เอเอ็มซี‘ สางปัญหาหนี้เสีย เปิดช่องปล่อยกู้สู่ระบบเพิ่ม

2 แบงก์ใหญ่ รุกตั้ง ‘เจวี เอเอ็มซี‘ สางปัญหาหนี้เสีย เปิดช่องปล่อยกู้สู่ระบบเพิ่ม

2 แบงก์ใหญ่รุกตั้ง "เจวีเอเอ็มซี' สางปัญหาหนี้เสีย-เปิดช่องปล่อยกู้สู่ระบบเพิ่ม ไทยพาณิชย์-กรุงไทย ลุ้นปิดดีลตั้ง“เจวีเอเอ็มซี” ต้นปี 69 หวังช่วยลูกหนี้พ้นวิกฤติ

2 แบงก์ใหญ่ รุกตั้ง ‘เจวี เอเอ็มซี‘ สางปัญหาหนี้เสีย เปิดช่องปล่อยกู้สู่ระบบเพิ่ม
 

ในช่วงเวลาที่ระบบธนาคารของไทยกำลังเผชิญความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน และภาระของหนี้เสีย ที่ยังคงกดดันอยู่ในงบดุล

ธนาคารหลายแห่งจึงหันกลับมาทบทวนแนวทางในการบริหารจัดการสินทรัพย์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเป็นอีกแนวทางในการช่วยลูกหนี้ให้สามารถหลุดพ้นจาก “กับดักหนี้” จากวิกฤติหนี้ที่ยาวนานครั้งนี้ได้

กฤษณ์ จันทโนทก”ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า แนวคิดและทิศทางการจัดตั้ง JV AMC หรือบริษัทร่วมทุนระหว่างธนาคาร และบริษัทบริหารสินทรัพย์ ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยให้ธนาคารสามารถปรับโครงสร้างหนี้ และเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน

สำหรับ ธนาคารไทยพาณิชย์ แม้สถานะของการจัดตั้ง JV AMC ในขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้มากนัก เพราะยังอยู่ระหว่างขั้นตอนการพูดคุย และเตรียมการ แต่ยืนยันชัดเจนว่ากระบวนการนี้ “มีการเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง” และมีความพยายามที่จะทำให้เสร็จโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แม้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่ากำลังเจรจากับคู่ค้าใดบ้างหรือมีกี่ราย แต่สิ่งที่ชัดเจนคือ การพูดคุยนั้นยังคงดำเนินอยู่ และมีความคืบหน้าในทางที่ดี

ทั้งนี้มองว่า การตั้ง JV AMC ครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแนวคิด แต่เป็นสิ่งที่ “มีความจำเป็น”

สำหรับระบบธนาคาร โดยเฉพาะในภาวะที่ธนาคารต้องการรักษาสภาพคล่องให้มีเพียงพอ และต้องการพื้นที่ในการปล่อยสินเชื่อต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง ความจำเป็นดังกล่าวทำให้การเดินหน้าจัดตั้ง JVAMC จึงไม่ใช่เรื่องทางเลือก แต่เป็นสิ่งที่ต้องทำ เพื่อให้ธนาคารสามารถปรับสมดุลระหว่างการบริหารสินทรัพย์กับการสนับสนุนเศรษฐกิจได้อย่างเหมาะสม

โดยวัตถุประสงค์สำคัญที่สุดของการจัดตั้ง JV AMC คือ “การปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการหนี้” โดยมีเป้าหมายให้กระบวนการทั้งหมดของธนาคารตั้งแต่การถือครองหนี้ การจัดการ การขาย หรือการปล่อยสินเชื่อใหม่ มีความคล่องตัว และยืดหยุ่นมากขึ้น

ซึ่งการมี JVAMC จะช่วยให้ “หนี้มีความคล่องตัวมากขึ้น” หรือที่เขาเรียกว่า ทำให้หนี้ “flow” ได้ดีขึ้น หมายถึงหนี้ที่ถูกค้างอยู่ในงบดุลของธนาคารจะสามารถถูกจัดการ เคลื่อนย้าย หรือขายต่อได้รวดเร็วกว่าเดิม ซึ่งไม่เพียงช่วยลดภาระของธนาคาร แต่ยังทำให้ระบบสินเชื่อโดยรวมมีการหมุนเวียนที่ดีขึ้น

“การเพิ่มพื้นที่ในการปล่อยสินเชื่อ คือ อีกหนึ่งเป้าหมายที่ธนาคารคาดหวังจากการมี JVAMC เพราะเมื่อธนาคารสามารถจัดการหนี้เสียได้ดีขึ้น จะทำให้เกิด “room” ใหม่ในงบดุล ซึ่งหมายถึงพื้นที่สำหรับการปล่อยกู้ในอนาคต การมีพื้นที่นี้เป็นสิ่งที่ทุกธนาคารต้องการ เพราะช่วยให้สามารถขยายสินเชื่อใหม่ได้อย่างมีเสถียรภาพ”

“กฤษณ์”ยังกล่าวอีกว่า หากโครงการ AMC เดินหน้าไปได้จริง และมีขนาดที่ใหญ่พอหรือมี “ไซส์ที่ใหญ่พอ” มันจะสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อระบบสินเชื่อในภาพรวม เพราะเมื่อธนาคารมีเครื่องมือบริหารหนี้ที่มีประสิทธิภาพ จะสามารถปล่อยกู้ได้มากขึ้น ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของเศรษฐกิจในภาพใหญ่

ซึ่งการบริหารจัดการสินทรัพย์เป็น “ศาสตร์และศิลป์ที่เฉพาะทางพอสมควร” เพราะไม่ใช่เพียงการขายหรือโอนหนี้ออกจากระบบ แต่ต้องรู้จังหวะในการขาย ต้องเข้าใจตลาด และต้องบริหารให้ได้ราคาที่เหมาะสม และทันต่อเวลา

JV AMC จึงมีบทบาทสำคัญในการเป็น “ผู้ช่วยดู และช่วยขาย” เพื่อให้ธนาคารมีความยืดหยุ่นมากขึ้น และเปิดพื้นที่ให้ธนาคารสามารถกลับไปโฟกัสกับภารกิจหลักคือ การปล่อยสินเชื่อ

ทั้งนี้ ในกระบวนการโอนหนี้ และการทำงานในช่วงเปลี่ยนผ่านหากมีการจัดตั้ง JVAMC ขึ้นจริง การเริ่มต้นจะไม่ใช่การโอนหนี้จำนวนมากในทันที แต่ต้องเริ่มจาก “การทดลองระบบ และกระบวนการ” หรือที่เรียกว่า Pilot Project เพื่อทดสอบทั้งระบบการทำงาน ขั้นตอน และการประสานงานระหว่างธนาคารกับ JVAMC ภายใต้ต้นปีหน้านี้

“เมื่อเข้าสู่ช่วงต้นปีหน้า หากการจัดตั้ง JVAMC เสร็จสิ้นสมบูรณ์ จะเริ่มเห็นโครงการนำร่องจริงที่ธนาคาร และ JVAMC ทำงานร่วมกัน ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาสำคัญของการทดสอบระบบในทางปฏิบัติ และหากโครงการนำร่องนี้ดำเนินไปได้ด้วยดี สัดส่วนของการขายสินทรัพย์จากธนาคารให้ JVAMC ก็อาจจะเพิ่มขึ้นในลำดับต่อไป”

สุดท้ายแล้วมองว่า การมี JVAMC ไม่ได้หมายความว่าธนาคารจะ “หยุดช่องทางการขายตรง” ที่เคยมีอยู่ เพราะช่องทางการขายตรงยังคงจำเป็น และสามารถดำเนินการควบคู่ไปกับการขายผ่าน JVAMC ได้ เพื่อให้ธนาคารมีเครื่องมือหลายรูปแบบในการบริหารจัดการหนี้ที่เหมาะสมกับสถานการณ์

ผยง ศรีวณิช” กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า สำหรับการจัดตั้ง JV AMC บริษัทร่วมทุนระหว่างสถาบันการเงินกับบริษัทบริหารสินทรัพย์ หลังจากประกาศของ ธปท.ชัดเจน

โดยคาดว่าจะเห็นความหน้าหรือเปิดตัว JV AMC ภายใต้กรุงไทย กับบริษัท AMCได้ภายในต้นปี 2569 ทั้งนี้ยังไม่ได้กำหนดว่าการจัดตั้ง JV AMC จะเกิดได้เพียงรายเดียวเท่านั้น แต่เปิดโอกาสเจรจากับรายอื่นๆ เพื่อตั้งบริษัทร่วมกันได้

โดยมองว่า เมื่อมีเครื่องมือ JV AMC ก็ควรนำมาใช้เมื่อถึงเวลา เพื่อจัดการกับปัญหาหนี้ด้อยคุณภาพ โดยเฉพาะในกลุ่มลูกหนี้ที่ เข้าไม่ถึงระบบการเงิน (underbanked) และกลุ่มเปราะบาง ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความหลากหลายทั้งเชิงพฤติกรรม และเชิงเศรษฐกิจ การออกแบบมาตรการจึงไม่อาจยึดติดกับแนวทางแบบ one-size-fits-all ได้ เมื่อมีข้อมูลมากขึ้น และมีรูปแบบการประเมินใหม่ๆ เราจะสามารถแยกกลุ่มลูกหนี้ที่ยังมีศักยภาพให้กลับเข้ามาได้ชัดเจนขึ้น ส่วนกลุ่มที่ไม่มีศักยภาพก็ต้องแยกออกไปให้เหมาะสมกับวิธีการช่วยเหลือ

การตั้ง JV AMC น่าจะเกิดขึ้นได้หลายโมเดล หรือโอกาสเกิดขึ้นได้หลายราย ไม่ได้จำกัดว่าจะจัดตั้งได้เพียงรายเดียวเท่านั้น ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับบริษัทในบางพาร์ตเนอร์ และความพร้อม และความเหลื่อมล้ำของกลุ่มเป้าหมาย

ซึ่งในการแก้หนี้นั้นมองว่า การบริหารสินทรัพย์ต้องคำนึงถึง IFRS 9 ซึ่งเป็น predictive engine ที่แต่ละธนาคารออกแบบโมเดลต่างกัน และกลุ่มลูกค้าที่แตกต่าง เช่น สินเชื่อบ้าน สินเชื่อเช่าซื้อ สินเชื่อบุคคล หรือบัตรเครดิต

เพราะฉะนั้นการตั้งสำรอง และการคำนวณความเสี่ยงจึงแตกต่างกันในแต่ละธนาคาร ทั้งยังเกี่ยวข้องกับการบริหารทรัพยากร บุคลากร และองค์ความรู้ขององค์กร ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้โมเดลแก้หนี้ต้องมีความหลากหลาย และไม่สามารถนำโมเดลเดียวไปใช้กับทุกธนาคารได้อย่างไร้ข้อจำกัด

สุดท้ายแล้วมองว่า JV AMC ควรเน้นการจัดการหนี้ประเภท unsecured รอบด้านที่ ไม่เกิน 100,000 บาท โดยถือเป็นกลุ่มเปราะบางที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างครบถ้วนและรวมเจ้าหนี้ทุกรายเข้าไว้ด้วยกัน ขณะที่หนี้ที่มากกว่า 100,000 บาทหรือประเภทอื่น ๆ จะถูกจัดการผ่านกลไกการขายหนี้แบบปกติ (AMC) ตามบทบาทและความเหมาะสมของเครื่องมือ ดังนั้น JV AMC ถูกออกแบบมาเป็นเครื่องมือเฉพาะทางสำหรับกลุ่มที่ตกหล่น และต้องการ การช่วยเหลือที่เป็นระบบ

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์