‘กรุงศรี คอนซูมเมอร์’ เดินเกมคุมเสี่ยง รับเศรษฐกิจชะลอ-หนี้สูง

‘กรุงศรี คอนซูมเมอร์’ เดินเกมคุมเสี่ยง รับเศรษฐกิจชะลอ-หนี้สูง

กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ชี้เศรษฐกิจไทยอ่อนแรง-หนี้ครัวเรือนสูง ปรับแผนเน้นระวังความเสี่ยง พร้อมร่วมนโยบายรัฐซื้อหนี้ต่ำกว่า 1 แสนบาทผ่าน AMC หวังลดหนี้ครัวเรือน

KEY

POINTS

  • กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ปรับกลยุทธ์ดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง เพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง
  • มุ่งเน้นการเติบโตอย่างมีคุณภาพ บริหารจัดการต้นทุน และควบคุมคุณภาพหนี้ (NPL) ให้อยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด
  • คาดการณ์ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในช่วงปลายปีจะส่งผลดีต่อยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรในหมวดอุปโภคบริโภค และการท่องเที่ยว
  • เตรียมร่วมมือนโยบายภาครัฐในการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน โดยเตรียมโอนหนี้เสียรายย่อยมูลค่าไม่เกิน 1 แสนบาทให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) จัดการ

นายอธิศ รุจิรวัฒน์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้าน กรุงศรี คอนซูมเมอร์ เปิดเผยว่า สำหรับมุมมองธุรกิจบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล ยังมีแนวโน้มเติบโตช้าจากสภาพเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอลง ภาระหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีอยู่ระดับสูง รวมถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ยังคงไม่ฟื้นตัว  

ภายใต้ปัจจัยท้าทายต่างๆ บริษัทจึงปรับกลยุทธ์ให้สอดรับกับสภาวะตลาดมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง เพื่อสร้างความเติบโตอย่างมีคุณภาพ พร้อมบริหารต้นทุนเพื่อรักษาระดับผลการดำเนินงาน ทั้งนี้ยังมีการปรับกลยุทธ์การตลาด และวิธีทำโปรโมชันโดยใช้ศักยภาพ และเครือข่ายพันธมิตรของกลุ่มบริษัทเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

‘กรุงศรี คอนซูมเมอร์’ เดินเกมคุมเสี่ยง รับเศรษฐกิจชะลอ-หนี้สูง

ในช่วงไตรมาส 4 นี้ ที่เป็นฤดูกาลท่องเที่ยว และจับจ่าย ประกอบกับมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น เช่น โครงการคนละครึ่งพลัส, เที่ยวดีมีคืน ซึ่งน่าจะช่วยเพิ่มสภาพคล่อง และกำลังซื้อในระบบ โดยเฉพาะในหมวดสินค้าอุปโภคบริโภค และการท่องเที่ยว ส่งผลเชิงบวกต่อภาพรวมธุรกิจ และอาจต่อยอดส่งผลดีไปถึงช่วงต้นปี 2569 ได้  

ทั้งนี้ ธุรกิจบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล ถือว่า ได้รับประโยชน์ทางอ้อมจากมาตรการดังกล่าว เนื่องจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นจะนำไปสู่ปริมาณธุรกรรมและความต้องการสินเชื่อเพื่อการบริโภคที่ขยายตัว

สำหรับเป้าหมายการดำเนินธุรกิจในปี 2568 บริษัทยังคงเป้าหมายธุรกิจคงเดิม โดยคาดมียอดใช้จ่ายผ่านบัตร 400,000 ล้านบาท เติบโตเล็กน้อย 2%, ยอดบัญชีลูกค้าใหม่ 587,000 บัญชี หดตัว 2.7% , ยอดสินเชื่อใหม่ 94,000 ล้านบาท  หดตัว 1.3 % และยอดสินเชื่อคงค้าง 143,000 ล้านบาท  หดตัว 2.2% 

ผลการดำเนินงาน เดือนม.ค. - ก.ย.2568  เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน นับว่ายังเติบโตดีกว่าทั้งในแง่ของจำนวนบัตร และยอดใช้จ่ายผ่านบัตร โดยมียอดใช้จ่ายผ่านบัตร  285,300 ล้านบาท เติบโต 1% , ยอดบัญชีลูกค้าใหม่ 422,800 บัญชี หดตัว 4.7% ,  ยอดสินเชื่อใหม่  68,400 ล้านบาท หดตัว 2.2% และยอดสินเชื่อคงค้าง  134,300 ล้านบาท หดตัว 2.6% 

ขณะที่อัตราส่วนที่นี้ที่ค้างชำระเกิน 90 วัน (NPL) สำหรับบัตรเครดิต อยู่ที่ระดับ 1.3% ยังทรงตัวจากปีก่อนหรือถือว่าดีขึ้น เพราะยอดหนี้คงค้างหดตัวในปีนี้ และสำหรับสินเชื่อส่วนบุคคล 2.2%  มีคุณภาพหนี้ดีขึ้นยังต่ำกว่าปีก่อนที่ระดับ 2.5% ซึ่งจากการบริหารความเสี่ยงที่รัดกุม ทำให้ทั้ง NPLบัตรเครดิต และสินเชื่อบุคคลของบริษัท ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ย NPL ของตลาดบัตรดิต อยู่ที่ 2.1% และสินเชื่อบุคคลอยู่ที่ 3.5%

“ภาพรวมตลาด และเราพบว่า ในแต่ละเดือนมียอดลูกค้าปิดบัตรเพิ่มขึ้นกระจายในทุกกลุ่ม เพราะว่าไม่ต้องการถือบัตรหลายใบ  ลดภาระ และควบคุมค่าใช้จ่าย ขณะที่ยอดเปิดบัตรใหม่เข้ามาลดลงหรือน้อยกว่ายอดปิดบัตร ทั้งที่เรายังใช้เกณฑ์พิจารณาต่างๆ ตามเดิม ยอดอนุมัติบัตรใหม่ยังทรงตัว ที่ 40% ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยตลาดที่ 50%”

พร้อมกันนี้  นายอธิศ กล่าวด้วยว่า  บริษัทกำลังเตรียมร่วมขับเคลื่อนนโยบายภาครัฐในการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน ผ่านมาตรการ “ซื้อหนี้เสียรายย่อยไม่เกิน 1 แสนบาท”  ที่จะดำเนินการผ่านกลไกของบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC)   

ขณะนี้ อยู่ระหว่างการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เพื่อกำหนดรายละเอียด และแนวทางการโอนหนี้ลูกค้าเข้าสู่การบริหารจัดการของ AMC  คาดว่า มีความชัดเจน และเริ่มดำเนินการอย่างเป็นทางการได้ภายในปลายปีนี้ 

ปัจจุบันบริษัทมียอดหนี้ต่ำกว่า 100,000 บาทอยู่พอสมควร  ยอมรับว่า การรับโอนหนี้รายย่อยจำนวนมากอาจส่งผลกระทบต่อรายได้จากการติดตาม และทวงถามหนี้ของบริษัท แต่ไม่ว่าอย่างไร เราก็ยืนยันความพร้อมในการดำเนินการตามนโยบายดังกล่าว

“คาดว่าการบริหารจัดการหนี้ในส่วนนี้จะช่วยให้ภาพรวมของหนี้ครัวเรือนดีขึ้น และเราจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ เพื่อเพิ่มรายได้จากช่องทางอื่น และบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งที่ผ่านมาเรามีการบริหารจัดการหนี้เสียภายในองค์กรเองมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ให้สามารถกลับมาฟื้นฟูสถานะทางการเงินได้อย่างยั่งยืน” 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์