จับทิศธุรกิจประกันภัยปี 68-69 โตแกร่งสวนศก.

จับทิศธุรกิจประกันภัยปี 68-69 โตแกร่งสวนศก.

คาดการณ์ว่าธุรกิจประกันวินาศภัยปี 2568 จะขยายตัว 2.0-2.5% สวนทางกับเศรษฐกิจไทยที่คาดว่าจะเติบโตเพียง 1.8-2.3% ประกันภัยที่เติบโตโดดเด่นในปี 2568 คือ ประกันการเดินทาง (คาดโต 24.7-28.4%), ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (9.1-9.7%) และประกันสุขภาพ (7.7-8.4%) จากความตระหนักด้านความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น

KEY

POINTS

  • คาดการณ์ว่าธุรกิจประกันวินาศภัยปี 2568 จะขยายตัว 2.0-2.5% สวนทางกับเศรษฐกิจไทยที่คาดว่าจะเติบโตเพียง 1.8-2.3%
  • ประกันภัยที่เติบโตโดดเด่นในปี 2568 คือ ประกันการเดินทาง (คาดโต 24.7-28.4%), ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (9.1-9.7%) และประกันสุขภาพ (7.7-8.4%) จากความตระหนักด้านความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น
  • แม้ประกันภัยบางประเภท เช่น ประกันภัยทรัพย์สินและประกันภัยทางทะเลจะหดตัว แต่การเติบโตของประกันภัยรูปแบบใหม่ๆ เช่น ประกันภัยไซเบอร์ ช่วยผลักดันภาพรวมให้เป็นบวก
  • สำหรับปี 2569 คาดว่าธุรกิจประกันวินาศภัยจะยังคงเติบโตในอัตราใกล้เคียงเดิมที่ 2.2-2.9% แม้เศรษฐกิจไทยจะชะลอตัวลงอีก โดยคาดว่าจะขยายตัวเพียง 1.5-1.7%
  • การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความเสี่ยงยุคใหม่ เช่น ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และประกันภัยไซเบอร์ เป็นโอกาสสำคัญที่ทำให้ธุรกิจประกันภัยเติบโตอย่างยั่งยืน

ในปี 2568 เศรษฐกิจไทยเผชิญความท้าทายจากทั้งปัจจัยภายนอกและภายในประเทศ โดยหน่วยงานทางเศรษฐกิจและสำนักวิจัยหลายแห่งได้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่จะขยายตัวระหว่าง 1.8-2.3% 

ถึงแม้ว่าจะมีแรงหนุนจากการส่งออกในช่วงครึ่งปีแรก การขยายตัวของการลงทุนภาครัฐและเอกชน การผลิตภาคอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะขยายตัว และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น “คนละครึ่งพลัส” แต่เศรษฐกิจไทยยังถูกกดดันจากหลายปัจจัย เช่น การส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการจัดเก็บภาษีของสหรัฐฯ ปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง ค่าเงินบาทแข็งขึ้น ข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา การลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ และความผันผวนของราคาและผลผลิตทางการเกษตร เป็นต้น

ท่ามกลางความไม่นอนของเศรษฐกิจดังกล่าวนี้ สำนักวิจัยและสถิติ บริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ จำกัด (มหาชน) หรือไทยรี ได้คาดการณ์ว่า ธุรกิจประกันวินาศภัยไทยในปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวมากกว่าปีก่อนโดยมีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวมราว 292,000-294,000 ล้านบาท หรือขยายตัว 2.0-2.5% 

ภาพรวมธุรกิจประกันวินาศภัยปี 2568

ประกันภัยรถยนต์

ภาพรวมของตลาดรถยนต์ทั้งรถใหม่และรถมือสองมีแนวโน้มหดตัวลงจากปัญหาด้านกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง และหนี้ครัวเรือนส่งผลให้สถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ แต่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (xEV) กลับเติบโตสูงสวนทางตลาดรถยนต์โดยรวม และความต้องการประกันภัยมากขึ้นจากความตระหนักในเรื่องของความเสี่ยงและภัยธรรมชาติ ส่งผลให้เบี้ยประกันภัยรถยนต์ยังคงเติบโตเล็กน้อยที่ 0.8-1.0% 

ประกันสุขภาพและอุบัติเหตุส่วนบุคคล

จากปัจจัยด้านค่าครองชีพและเบี้ยประกันภัยที่ปรับตัวสูงขึ้นส่งผลให้ผู้บริโภคบางส่วนชะลอการทำประกันออกไปก่อน แต่ความตระหนักทั้งเรื่องของสุขภาพ การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้น และเงื่อนไข Copayment ที่เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2568 ได้ช่วยส่งเสริมให้ประชาชนเล็งเห็นถึงความจำเป็นและหันมาทำประกันมากขึ้น พร้อมกันนั้น ในปัจจุบันผลิตภัณฑ์ประกันภัยมีให้เลือกหลากหลาย ง่ายและสะดวกต่อการทำประกันภัย คาดว่าเบี้ยประกันสุขภาพจะเติบโต 7.7-8.4% และเบี้ยประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลขยายตัว 9.1-9.7%

ประกันการเดินทาง

จากความกังวลด้านภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว การเกิดภัยธรรมชาติ รวมถึงความขัดแย้งระหว่างประเทศส่งผลต่อความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยว สวนทางกับการเดินทางของคนไทยที่ยังคงคึกคัก โดยได้แรงกระตุ้นจากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น มาตรการฟรีวีซ่า 36 ประเทศ และโปรโมชั่นท่องเที่ยวราคาประหยัด และความตระหนักถึงความสำคัญของประกันการเดินทาง ส่งผลให้ความต้องการประกันภัยการเดินทางเพิ่มขึ้น ไทยรีประเมินว่าเบี้ยประกันภัยการเดินทางจะเติบโตสูงถึง 24.7-28.4%

ประกันอัคคีภัย

จากภาพรวมตลาดบ้านอยู่อาศัยที่ชะลอตัวแต่ยังมีแรงหนุนจากมาตรการภาครัฐ เช่น การลดค่าธรรมเนียมโอนและจดจำนอง มาตรการผ่อนคลาย LTV ฯลฯ ที่ทำให้ภาพรวมตลาดบ้านอยู่อาศัยมีแนวโน้มดีขึ้น ประกอบกับภัยธรรมชาติที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการมีประกันภัยมากขึ้น อีกทั้งราคาบ้านที่ปรับตัวสูงขึ้นส่งผลให้ทุนและเบี้ยฯ ปรับตัวสูงตาม ไทยรีจึงคาดว่าเบี้ยประกันอัคคีภัยจะเติบโตในช่วง 5.5-6.0%

ประกันภัยทรัพย์สินและความเสี่ยงภัยทุกชนิด

ความตระหนักถึงความเสี่ยงด้านภัยธรรมชาติอย่างน้ำท่วมที่มีแนวโน้มเกิดขึ้นบ่อยครั้งและรุนแรงมากขึ้น ประกอบกับการเร่งใช้จ่ายและลงทุนของภาครัฐ และการขยายตัวของการลงทุนภาคเอกชน ส่งผลให้มีการทำประกันภัยมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันตลาดประกันภัยทรัพย์สินอยู่ในภาวะ “Soft Market” คาดว่าจะส่งผลให้เบี้ยประกันภัยทรัพย์สินหดตัวในช่วง 4.2-5.4% 

ประกันภัยทางทะเลและขนส่ง

ครึ่งปีแรกของปี 2568 การส่งออกไทยขยายตัวจากการเร่งนำเข้าสินค้าก่อนขึ้นภาษีของสหรัฐฯ แต่ในช่วงครึ่งปีหลังอาจมีแนวโน้มหดตัวจากการเร่งส่งออกสินค้าในช่วงก่อนหน้า ประกอบกับค่าเงินบาทที่ผันผวนและแข็งค่าขึ้น การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา รวมถึงราคาสินค้าส่งออกของไทยที่สูงกว่าคู่แข่ง เช่น เวียดนาม ไทยรีคาดว่าเบี้ยประกันภัยทางทะเลและขนส่งจะลดลง 4.0-4.7%

ประกันภัยอื่น ๆ

จากพฤติกรรมผู้บริโภคยุคดิจิทัล การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมและภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อีกทั้งการเล็งเห็นถึงความเสี่ยงภัยรูปแบบใหม่ๆ ผลิตภัณฑ์ประกันภัยรูปแบบใหม่ เช่น ประกันภัยไซเบอร์ ประกันภัยจากการใช้ผลิตภัณฑ์ ฯลฯ จึงได้ถูกพัฒนามาเพื่อรองรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น ซึ่งเป็นที่ต้องการและมีแนวโน้มเติบโต ไทยรีจึงคาดว่าเบี้ยประกันภัยหมวดนี้จะขยายตัวได้ในช่วง 5.9-7.5% แม้ไม่มีการต่ออายุโครงการประกันภัยข้าวในปี 2568

ปี 2568 แม้เศรษฐกิจยังขยายตัวต่ำ แต่ธุรกิจประกันภัย เช่น การประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ และประกันการเดินทางยังคงมีการเติบโต แสดงให้เห็นถึงโอกาสของธุรกิจประกันภัยที่จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่ง ขณะที่ความท้าทายจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึง Climate Change ผลักดันให้ธุรกิจต้องเร่งปรับตัวทั้งด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และการบริหารจัดการความเสี่ยงรอบด้านให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด

ธุรกิจประกันวินาศภัยปี 2569: เติบโตจำกัดภายใต้ความไม่แน่นอน

สำหรับปี 2569 มีการประเมินว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวลดลงอยู่ในช่วง 1.5-1.7% จากแรงกดดันทั้งเรื่องของภาษีนำเข้าสหรัฐฯ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ผลกระทบจากภาวะเอลนีโญซึ่งอาจทำให้เกิดภัยแล้งรุนแรงส่งผลต่อภาคเกษตรและรายได้ครัวเรือน การแข่งขันด้านการท่องเที่ยวในภูมิภาค ความระมัดระวังการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว การชะลอตัวของการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยบวกที่ช่วยประคับประคองเศรษฐกิจไทย เช่น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งใหม่ และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งจะช่วยลดภาระหนี้ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ 

ในภาพรวม ไทยรีคาดว่าธุรกิจประกันวินาศภัยในปี 2569 จะยังคงขยายตัวในอัตราใกล้เคียงปี 2568 โดยเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงจะอยู่ที่ 298,000-302,000 ล้านบาท หรือขยายตัวระหว่าง 2.2 (ในกรณีที่ไม่มีประกันภัยข้าว) ถึง 2.9% (ในกรณีที่มีประกันภัยข้าว)

ในปี 2569 การพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยใหม่ ๆ เพื่อรองรับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่ในโลกยุคดิจิทัล เช่น ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า ประกันภัยไซเบอร์ หรือประกันภัยแบบพาราเมตริก ฯลฯ จึงเป็นโอกาสในการเติบโตของธุรกิจประกันภัย อย่างไรก็ตาม บริษัทประกันภัยจะต้องขยายงานเหล่านี้อย่างรอบคอบ นอกจากนี้ การยกระดับฐานข้อมูล การบริหารความเสี่ยงภัยธรรมชาติ และการขยายช่องทางขายดิจิทัล ก็เป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันและการเติบโตอย่างยั่งยืนของธุรกิจประกันวินาศภัยไทย