G2 อเมริกากับจีนยอมหย่าศึกหนึ่งปี เป็นข่าวดีหรือภาพลวง

G2 อเมริกากับจีนยอมหย่าศึกหนึ่งปี เป็นข่าวดีหรือภาพลวง

สหรัฐฯ และจีนบรรลุข้อตกลงสงบศึกทางการค้าเป็นเวลาหนึ่งปี โดยสหรัฐฯ จะลดภาษีสินค้าจีนลง ขณะที่จีนจะกลับมาซื้อถั่วเหลืองและร่วมมือควบคุมสารตั้งต้นเฟนทานิล มองว่าข้อตกลงนี้เป็นเพียง "ข่าวดี" ที่สหรัฐฯ นำกลับประเทศเพื่อแก้ปัญหาการเมืองภายใน แต่ฝ่ายที่ได้เปรียบอย่างแท้จริงคือจีน

KEY

POINTS

  • สหรัฐฯ และจีนบรรลุข้อตกลงสงบศึกทางการค้าเป็นเวลาหนึ่งปี โดยสหรัฐฯ จะลดภาษีสินค้าจีนลง ขณะที่จีนจะกลับมาซื้อถั่วเหลืองและร่วมมือควบคุมสารตั้งต้นเฟนทานิล
  • ผู้เชี่ยวชาญมองว่าข้อตกลงนี้เป็นเพียง "ข่าวดี" ที่สหรัฐฯ นำกลับประเทศเพื่อแก้ปัญหาการเมืองภายใน แต่ฝ่ายที่ได้เปรียบอย่างแท้จริงคือจีน
  • การพักรบอาจเป็น "ภาพลวงตา" เนื่องจากทั้งสองประเทศต่างเผชิญวิกฤตภายในที่รุนแรง ทั้งปัญหาเศรษฐกิจและการเมือง จึงอาจเป็นเพียงการซื้อเวลาเพื่อจัดการปัญหาของตนเอง
  • ความไม่แน่นอนของข้อตกลงมีสูง เนื่องจากรายละเอียดที่แท้จริงยังไม่ถูกเปิดเผย และอาจเป็นเพียงเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อระยะสั้น ก่อนที่ความขัดแย้งจะกลับมาอีกครั้ง

ประธานาธิบดีทรัมป์เดินทางกลับสหรัฐอเมริกาในวันที่ 30 ตุลาคม ค.ศ. 2025 โดยประกาศความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ในการทัวร์เอเชีย เริ่มต้นด้วยการประชุมอาเซียนที่มาเลเซียเก็บคะแนนสันติภาพเรื่องกัมพูชา-ไทยเพื่อหวังรางวัลโนเบลปีหน้า แล้วแวะญี่ปุ่นปิดดีลการลงทุนมหาศาล ก่อนไปประชุมเอเปคที่เกาหลีใต้ โดยมีไฮไลท์ที่การเจรจา “ระดับ G2” กับประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีน ที่ทรัมป์พอใจถึงขั้นให้คะแนน 12 จากเต็ม10!

การรีบเดินทางออกจากเกาหลีใต้ของทรัมป์หลังจากการเจรจานอกรอบกับสีจิ้นผิงโดยที่ไม่อยู่ร่วมประชุมประเด็นสำคัญต่างๆของเอเปกในวันที่เหลือ เปิดโอกาสให้ผู้นำจีนย้ำแสดงสัญลักษณ์ว่า ‘จีนคือมหาอำนาจใหญ่ประเทศเดียวที่ในปัจจุบันให้ความสำคัญและจริงใจกับความร่วมมือระหว่างประเทศ’

ขณะเดียวกันผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายประเมินว่าการประชุมเจรจาระหว่างจีนกับสหรัฐฯนั้น ‘ฝ่ายที่ได้เปรียบอย่างแท้จริงนั้นคือจีน ส่วนสหรัฐฯได้เพียงการนำข่าวดีกลับบ้าน’

G2 คืออะไร

แนวคิด “G2” หรือย่อมาจาก “กลุ่มสอง (Group of Two)” ถือกำเนิดขึ้นในช่วงปลายทศวรรษ 2000 โดยเป็นแนวคิดที่สหรัฐอเมริกาและจีนจะร่วมกันกำหนดทิศทางการกำกับดูแลโลก แนวคิดนี้ได้รับการส่งเสริมในช่วงแรกโดย C Fred Bergsten นักเศรษฐศาสตร์ชาวอเมริกัน และ Zbigniew Brzezinski นักยุทธศาสตร์ โดยมุ่งหวังให้สองประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกร่วมมือกัน เพื่อรับมือกับความท้าทายต่างๆ ตั้งแต่ความไม่มั่นคงทางการเงินไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

สหรัฐอเมริกามี GDP มูลค่าตามราคาตลาด (Nominal GDP) สูงที่สุดในโลก (ประมาณ 27.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งสะท้อนถึงอำนาจทางเศรษฐกิจ ณ อัตราแลกเปลี่ยนตลาดปัจจุบัน จีนมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสอง (ประมาณ 17.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) แต่ครองอันดับหนึ่งเมื่อปรับตามกำลังซื้อ (Purchasing Power Parity : PPP) ทำให้จีนเป็นประเทศที่มี GDP สูงที่สุดในแง่ของผลผลิตสินค้าและบริการที่แท้จริง

จีนกับอเมริกาได้อะไรจากการเจรจาครั้งนี้

การประชุมระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีสีจิ้นผิงนอกรอบการประชุมสุดยอดเอเปค ส่งผลให้เกิดการสงบศึกทางการค้าที่เปราะบางอย่างน้อยเป็นเวลาต่อไปอีกหนึ่งปี

ผลลัพธ์และข้อตกลงที่สำคัญ

1) สหรัฐฯตกลงที่จะลดอัตราภาษีศุลกากร Trump Tariff โดยรวมสำหรับสินค้าจีนจาก 57% เหลือ 47% 

โดยการลดภาษีเฟนทานิลลง 20% จากเดิมครึ่งหนึ่ง ซึ่งหมายความว่าจะไม่ขึ้นภาษีอีก 100% ในวันที่ 1 พฤศจิกายนตามที่เคยขู่ไว้

2) ทั้งสองประเทศตกลงที่จะระงับข้อจำกัดทางการค้าใหม่บางประการเป็นการชั่วคราวเป็นเวลาหนึ่งปี โดยจีนจะผ่อนปรนการควบคุมการส่งออกแร่หายาก ซึ่งจีนผูกขาดประมาณ 70%ของโลก ขณะเดียวกันสหรัฐฯจะผ่อนปรนให้บริษัทอเมริกันส่งออกเทคโนโลยีชั้นสูงโดยเฉพาะเซมิคอนดัคเตอร์

ยกเว้นการห้ามส่งออก Blackwell ของ NVIDIA ซึ่งถือว่าเป็นความเสี่ยงทางความมั่นคงและการแข่งขันทางเทคโนโลยี

เนื่องจากเป็นวิวัฒนาการ GPU รุ่นใหม่ที่พัฒนาต่อยอดจาก Hopper โดยได้รับการปรับแต่งให้เหมาะสมกับเวิร์กโหลด AI และ HPC ขนาดใหญ่ประกอบด้วยไดคู่ (dual-die) ที่มีทรานซิสเตอร์ 208 พันล้านตัวเชื่อมต่อกันด้วยการเชื่อมต่อความเร็วสูง สามารถปรับขนาดและประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม ทำให้ลดต้นทุนและการใช้พลังงาน

3) จีนให้คำมั่นว่าจะกลับมาดำเนินการซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ 12 ล้านเมตริกตันระหว่างนี้จนถึงเดือนมกราคมปีหน้า และ 25 ล้านเมตริกตันต่อปีในอีกสามปีข้างหน้า สหรัฐฯเคยส่งออกถั่วเหลืองไปยังจีนเกือบ 27 ล้านเมตริกตันในปี 2567 ซึ่งเรื่องนี้เป็นข่าวดีต่อเกษตรกรชาวอเมริกันที่กำลังลำบากมากจากการงดซื้อของจีนตั้งแต่ต้นปีนี้เป็นต้นมา และนำมาสู่ความอ่อนไหวทางการเมืองในอเมริกาจนทำให้คะแนนเสียงของทรัมป์และพรรครีพับลิกันตกต่ำ

4) ความร่วมมือด้านเฟนทานิล ซึ่งทรัมป์ใช้เป็นการหาเสียงและเป็นประเด็นที่อ่อนไหวโดยกล่าวหาว่าจีนเป็นแหล่งผลิตสารเคมีตั้งต้น ที่ ถูกนำไปสู่การดัดแปลงในเม็กซิโกให้เป็นยาและยาเสพติดที่ทำลายสังคมอเมริกัน และทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นแสนคนต่อปี ซึ่งจีนให้คำมั่นว่าจะควบคุมอย่างเข้มงวด

เฟนทานิล (fentanyl) เป็นโอปิออยด์สังเคราะห์ที่มีฤทธิ์รุนแรง ที่สร้างขึ้นในห้องปฏิบัติการจากสารเคมีตั้งต้นและไม่ได้มาจากแหล่งธรรมชาติเช่นฝื่น ได้รับการรับรองให้ใช้ทางการแพทย์เป็นยาแก้ปวดและยาสลบ แต่ก็ถูกผลิตและนำไปใช้อย่างผิดกฎหมายเช่นกัน เฟนทานิลมีฤทธิ์แรงกว่ามอร์ฟีนถึง 100 เท่า และแรงกว่าเฮโรอีนถึง 50 เท่า

มรสุมรอทรัมป์อยู่ที่อเมริกา

วิกฤติสารพัดทั้งในประเทศและต่างประเทศที่กำลังรออยู่ เช่น การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครนิวยอร์กในวันที่ 4 พฤศจิกายน ซึ่งมีแนวโน้มว่านักการเมืองหนุ่มหน้าใหม่แห่งพรรคเดโมแครต Zohran Mamdani มีแนวโน้มว่าจะได้รับชัยชนะ ตามมาด้วยคดีใหญ่ในศาลฎีกาในวันที่ 5 พฤศจิกายนซึ่งจะพิจารณาวินิจฉัยว่านโยบายภาษีอากร Trump Tariff ที่อ้างว่าเป็นอำนาจของประธานาธิบดีที่ทำได้เนื่องจากมีความจำเป็นฉุกเฉินนั้นได้ละเมิดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งทรัมป์เองประกาศว่าตนเองจะเข้าไปนั่งฟังในศาลด้วย เนื่องจากเรื่องนี้เป็นนโยบายเอกและพลาดไม่ได้ ขณะเดียวกันรัฐบาลกลางของสหรัฐฯปิดทำการเป็นส่วนใหญ่มาเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว เนื่องจากงบประมาณประจำปียังไม่ผ่านโดยรัฐสภา ซ้ำเติมกับความตึงเครียดทางทหารในภูมิภาคอเมริกาใต้โดยเฉพาะข่าวลือว่าสหรัฐฯอาจเปิดสงครามหรือปฏิบัติการลับเพื่อล้มรัฐบาลของเวเนซุเอล่า อิสราเอลยังใช้ข้ออ้างโจมตีกาซ่า ทรัมป์สั่งซ้อมขีปนาวุธนิวเคลียร์เพื่อส่งสัญญาณข่มรัสเซีย ฯลฯ

จีนก็เปราะบางไม่แพ้กัน

สังเกตว่าครั้งนี้ผู้นำจีนไม่ได้ยกประเด็นเรื่องไต้หวันตามที่มีข่าวว่าเตรียมไว้ ไม่กีดกันแย่งซีนของทรัมป์เรื่องกัมพูชา-ไทย และแสดงความ

อดกลั้นข่มใจไม่พูดถึงประเด็นอ่อนไหวอื่นๆเพื่อซื้อเวลาออกไปอีกโดยหวังผลระยะยาว ซึ่งอาจเป็นเพราะว่าจีนเองก็มีวิกฤตทั้งภายในและต่างประเทศที่ต้องบริหารโดยเร่งด่วน เช่นการปฏิรูปตำแหน่งนายพลระดับสูงครั้งใหญ่ในกระทรวงกลาโหมเมื่อไม่กี่สัปดาห์มานี้ เศรษฐกิจรุมเร้าที่น่าเป็นห่วงโดยเฉพาะเรื่องอสังหาริมทรัพย์และหนี้ของรัฐบาลท้องถิ่น รวมทั้งการต่างประเทศที่มีปัญหาเรื่องบุคลากรระดับสูง ความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ การถูกตั้งข้อสงสัยว่าส่งสินค้าราคาถูกเกินจริงออกทำลายประเทศอื่นๆ การเป็นแหล่งผลิตอาชญากรข้ามประเทศโดยเฉพาะเรื่องไซเบอร์ต่างๆ ฯลฯ

ไตรมาสสุดท้ายของปีจะเป็นอย่างไร

อาจขึ้นอยู่กับการติดตามผลในทางปฏิบัติของข้อตกลงระหว่างมหาอำนาจ “G2” ว่าจะทำตามที่ให้คำมั่นสัญญากันไว้ที่เกาหลีใต้ได้หรือไม่

รายละเอียดต่างๆนั้นยังไม่มีการเปิดเผยและไม่แน่ใจว่าได้ทำสำเร็จอย่างถี่ถ้วนรอบคอบแล้วเพียงใด หรือเป็นเพียงแค่ภาพลักษณ์เพื่อเป็นเครื่องมือการโฆษณาชวนเชื่อต่อประชาชนของตนในระยะสั้นและกลับลำทะเลาะกันต่อไปเหมือนเคยทำมาแล้วหลายครั้ง

ส่วนชาวโลกที่ไม่ใช่ G2 ก็คงต้องทำใจและดิ้นรนหาทางออกใหม่ โดยไม่ฝากอนาคตไว้ให้กับสองแบรนด์นี้ครับ