ราคาทองคำร่วงหลุด 4,000 ดอลลาร์/ออนซ์ การค้าสหรัฐ-จีนคลี่คลาย

ราคาทองคำร่วงหลุด 4,000 ดอลลาร์/ออนซ์ การค้าสหรัฐ-จีนคลี่คลาย

ราคาทองคำร่วงลงต่ำกว่า 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากความคืบหน้าของการเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน ส่งผลให้ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยลดลง คาดเฟดลดดอกเบี้ยพุธนี้

รอยเตอร์ รายงานราคาทองคำร่วงลงต่ำกว่า 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในวันจันทร์ (27 ต.ค.68) เนื่องจากสัญญาณความตึงเครียดทางการค้าระหว่าง สหรัฐฯ-จีน คลี่คลายลง ทำให้ทองคำแท่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่น่าดึงดูดใจน้อยลง ขณะที่นักลงทุนในตลาดต่างรอคอยการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในสัปดาห์นี้

ราคาทองคำตลาดสปอต (Spot Gold) ร่วงลงแรง 2.7% มาอยู่ที่ 4,002.29 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อเวลา 13:45 น. ตามเวลาฝั่งตะวันออกสหรัฐ (17:45 GMT) ราคาทองคำร่วงลงมาอยู่ที่ 3,970.81 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงการซื้อขายต้นวัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม

“ข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่อาจเกิดขึ้นบ่งชี้ว่าความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำลดน้อยลง” เดวิด เมเกอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายซื้อขายโลหะของ High Ridge Futures กล่าว

ราคาทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4,381.21 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม แต่ปรับตัวลดลง 3.2% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากมีสัญญาณบ่งชี้ถึงความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลกที่ผ่อนคลายลง คณะผู้เจรจาจากสหรัฐฯ และจีนได้สรุปกรอบข้อตกลงเมื่อวันอาทิตย์ เพื่อระงับภาษีนำเข้าที่สูงขึ้นของสหรัฐฯ และเลื่อนการควบคุมการส่งออกแร่หายากของจีนออกไป

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน คาดว่าจะพบกันในวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าเพิ่มเติม

เจฟฟรีย์ คริสเตียน หุ้นส่วนผู้จัดการของ CPM Group กล่าวว่า นอกจากแรงขายทางเทคนิคแล้ว ทองคำยัง "มีแนวโน้มปรับตัวลดลงอีก เนื่องจากความตึงเครียดทางการค้าที่คลี่คลายลง ซึ่งความตึงเครียดดังกล่าวทำให้ราคาทองคำขยับขึ้นจาก 3,800 ดอลลาร์สหรัฐ เป็น 4,400 ดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงสามสัปดาห์แรกของเดือนตุลาคม"

ขณะเดียวกัน ตลาดคาดการณ์ว่ามีโอกาส 97% ที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯในวันพุธ

ทองคำ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ย มักจะให้ผลตอบแทนที่ดีในสภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำ

แม้ว่านักวิเคราะห์และนักลงทุนส่วนใหญ่มองว่าทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นอีก โดยอาจจะแตะระดับ 5,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่นักวิเคราะห์บางส่วนยังคงตั้งข้อกังขาเกี่ยวกับความยั่งยืนของการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่เมื่อเร็วๆ นี้

ในวันจันทร์ นักวิเคราะห์ของ Capital Economics ได้ปรับลดคาดการณ์ราคาทองคำลงเหลือ 3,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในสิ้นปี 2569

“ราคาทองคำที่พุ่งขึ้น 25% นับตั้งแต่เดือนสิงหาคมนั้นยากที่จะหาเหตุผลมาอธิบายได้เมื่อเทียบกับการเคลื่อนไหวครั้งก่อนๆ ในช่วงที่ราคาทองคำพุ่งขึ้น”

ด้านราคาโลหะเงินดิ่งลง 4.8% มาอยู่ที่ 46.28 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาแพลทินัมลดลง 1.1% มาอยู่ที่ 1,587.92 ดอลลาร์ และแพลเลเดียมลดลง 2.6% มาอยู่ที่ 1,391.34 ดอลลาร์

อัปเดตราคาเช้านี้ (28 ต.ค. 68)

บลูมเบิร์ก รายงานว่าราคาสปอตเพิ่มขึ้น 0.5% มาอยู่ที่ 4,000.81 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ณ เวลา 7:54 น. ตามเวลาที่สิงคโปร์ ดัชนีบลูมเบิร์กดอลลาร์ลดลง 0.1% ราคาโลหะเงินปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยหลังจากร่วงลง 3.7% ในวันจันทร์ ราคาแพลทินัมทรงตัว ขณะที่แพลเลเดียมปรับตัวสูงขึ้น

วันอังคารนี้ราคาทองคำฟื้นตัวหลังจากร่วงลงต่ำกว่า 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในวันจันทร์ เนื่องจากความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนทำให้ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยลดลง

ราคาทองคำแท่งปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยในวันอังคารหลังจากร่วงลง 3.2% ในการซื้อขายก่อนหน้า เนื่องจากผู้เจรจาจากวอชิงตันและปักกิ่งระบุว่า พวกเขาได้บรรลุข้อตกลงหลายฉบับในประเด็นต่างๆ รวมถึงภาษีศุลกากรและการควบคุมการส่งออก ราคาพันธบัตรเคลื่อนไหวในทิศทางลดลง แม้ว่าผู้ซื้อขายยังคงยึดมั่นกับการเดิมพันว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ เตรียมที่จะผ่อนคลายนโยบายการเงินในสัปดาห์นี้ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้นส่งผลกระทบต่อความต้องการทองคำที่ไม่มีดอกเบี้ย