’แบงก์กรุงเทพ‘ ชี้ศก.ผันผวนสูง ลุยคุมพอร์ตรอบคอบสกัด ‘หนี้เสีย‘

’แบงก์กรุงเทพ‘ ชี้ศก.ผันผวนสูง  ลุยคุมพอร์ตรอบคอบสกัด ‘หนี้เสีย‘

“ชาติศิริ” รับเศรษฐกิจไทยยังมีความผันผวนความไม่แน่นอน แม้คาดการณ์ไตรมาส 4 เศรษฐกิจฟื้น ย้ำบริหารธุรกิจอย่างรอบคอบ ตั้งสำรองตามความเสี่ยงเพื่อรับมือความไม่แน่นอน ปล่อยสินเชื่อตามกรอบการระมัดระวังหวังประคองหนี้เสียให้อยู่ในระดับที่จัดการได้

นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL กล่าวว่า ในด้านการดำเนินธุรกิจของธนาคาร ธนาคารยังคงเดินหน้าด้วยแนวทางการบริหารที่รอบคอบ ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน

แม้ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี มองว่าภาพรวมเศรษฐกิจมีแนวโน้มดีขึ้นจากการจับจ่ายใช้สอยที่สูงขึ้น และจากมาตรการกระตุ้นของภาครัฐ ซึ่งจะช่วยให้การหมุนเวียนของเงินในระบบดีขึ้น ภาคการส่งออกเองก็มีแรงขับเคลื่อนจากความต้องการของตลาดโลกในช่วงเทศกาล

ดังนั้นการดำเนินธุรกิจของธนาคารกรุงเทพยังคงยึดหลักการดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง แต่พร้อมจะสนับสนุนลูกค้าให้สามารถก้าวข้ามช่วงเปลี่ยนผ่านของเศรษฐกิจได้อย่างมั่นคง ไม่ว่าจะผ่านการปล่อยสินเชื่อ การให้คำปรึกษา หรือการสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน

อย่างไรก็ตาม ธนาคารกรุงเทพไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการบริหารความเสี่ยงอย่างมีนัยสำคัญ แม้ภาวะเศรษฐกิจจะยังมีความไม่แน่นอนสูง แต่ธนาคารได้ดำเนินการตั้งสำรองต่าง ๆ ไว้อย่างรอบคอบในระดับที่เหมาะสมกับสถานการณ์

ซึ่งเป็นการดำเนินการที่ต่อเนื่องมาจากแนวทางเดิม และการตั้งสำรองจึงเป็นไปตามการประมาณการที่วางไว้ ไม่ได้มีการเร่งหรือเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ และการตั้งสำรองธนาคารได้ประเมินถึงความเสี่ยงต่างๆไว้ครอบคลุมอยู่แล้วในแต่ละไตรมาส

ขณะเดียวกัน ธนาคารยังคงรักษามาตรฐานการปล่อยสินเชื่อไว้อย่างมีวินัย และรอบคอบต่อเนื่อง แม้จะไม่ได้เข้มงวดขึ้นจากเดิม ซึ่งหากดูพอร์ตสินเชื่อของธนาคารยังคงอยู่ในระดับที่มีคุณภาพดี ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการบริหารจัดการเชิงรุกและการช่วยเหลือลูกค้าในการแก้ไขปัญหาอย่างใกล้ชิด

ผนวกกับการดูแลลูกค้าให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อได้และกลับมามีศักยภาพทางการเงิน เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ธนาคารสามารถรักษาคุณภาพหนี้ไว้ได้ และทำให้ธนาคารสามารถดูแลหนี้เสีย ให้อยู่ระดับที่บริหารจัดการได้

สำหรับภาพรวมการเติบโตสินเชื่อปีนี้ ยังคงตั้งเป้าที่ระดับ 3-4% แม้การเติบโตของสินเชื่อในปีนี้อาจเผชิญความท้าทาย ธนาคารยังคงตั้งเป้าไว้ตามแผนเดิม โดยเน้นการบริหารความเสี่ยงและคุณภาพพอร์ตสินเชื่อให้มั่นคง การปล่อยสินเชื่อจะคำนึงถึงความสามารถในการดำเนินธุรกิจของลูกค้าเป็นหลัก เพื่อให้การเติบโตเกิดขึ้นอย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืน

นอกจากนี้ ภายใต้รายได้จากสินเชื่อลดลง ธนาคารมองว่าพอร์ตที่ยังเติบโตได้ คือธุรกิจในต่างประเทศ ที่ยังมีการเติบโตได้ต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ปัจจุบันเป็นไปตามวัฏจักรทางเศรษฐกิจ เมื่ออัตราดอกเบี้ยปรับลดลง ธนาคารต่าง ๆก็ต้องปรับตัวให้สอดคล้อง โดยเป้าหมายคือช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจโดยรวมสามารถฟื้นตัวได้ การลดอัตราดอกเบี้ยถือเป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนตลาด และทำให้ผู้ประกอบการสามารถเดินหน้าธุรกิจต่อไปได้

รับรายได้ดอกเบี้ยลด-ค่าฟีโต“ยาก”

โดยที่ผ่านมา ธนาคารกรุงเทพได้ลดอัตราดอกเบี้ยลงมาพอสมควร เพื่อส่งผ่านนโยบายทางการเงินไปยังภาคธุรกิจ ซึ่งส่งผลให้ส่วน

ต่างอัตราดอกเบี้ย (Margin) ของธนาคารลดลง แต่ธนาคารก็ยังสามารถบริหารจัดการรายได้ให้เติบโตได้ดี จากการผสมผสานรายได้หลายด้านเข้าด้วยกัน

แม้รายได้จากค่าธรรมเนียม (Fee Income) จะเติบโตได้ยากในภาวะเช่นนี้ แต่การบริหารต้นทุนและการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผลประกอบการของธนาคารยังคงแข็งแกร่ง
 

“ภายใต้สินเชื่อชะลอตัวลง ดอกเบี้ยตลาดที่อยู่ในทิศทางขาลง อาจจะกระทบต่อรายได้ และส่วนต่างกำไร (มาร์จิน) ซึ่งมองว่าเป็นไปตามกลไกและวัฏจักร ซึ่งธนาคารจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อให้สามารถอยู่รอดได้ และรักษาการเติบโตให้ได้"


โดยการพยายามขยายฐาน และธุรกรรมการเงินด้านอื่น ๆ เช่น รายได้ค่าธรรมเนียม อาจจะไม่ง่ายแต่ต้องพยายาม รวมถึงธุรกิจในต่างประเทศยังเป็นแหล่งรายได้สำคัญ ส่วนหนี้เสียเราก็พยายามจะบริหารจัดการให้ดีที่สุด แต่การแก้หนี้เอ็นพีแอลก็อาจจะต้องใช้เวลา แต่ธนาคารก็ต้องแก้ไขต่อไป

เร่งบริหารธุรกิจตามวิถีเพื่อความยั่งยืน

นอกจากการบริหารธุรกิจอย่างรอบคอบแล้ว ธนาคารกรุงเทพยังให้ความสำคัญกับการบริหารธุรกิจตามแนวทางของการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืนด้วย (Sustainability) ซึ่งถือเป็นทิศทางสำคัญของธนาคารกรุงเทพในระยะยาว โดยเฉพาะในบริบทของประเทศไทยที่เป็นประเทศเกษตรกรรม

โดยธนาคารมุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีและแนวคิดด้าน ESG มาปรับใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร โครงการต่าง ๆ ที่ธนาคารดำเนินการ เช่น โปรแกรม Supply Chain

สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในภาคเกษตร มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการผลิต ควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อมและการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน

ที่ผ่านมา ธนาคารได้มีการปล่อยสินเชื่อในกลุ่ม Transition และ Transformation Loan มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนลูกค้าให้สามารถเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม พลังงานหมุนเวียน และความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ

โดยเฉพาะในภาคเกษตร ธนาคารมองว่าเทคโนโลยีจะเป็นตัวช่วยสำคัญในการยกระดับผลผลิตและรายได้ของเกษตรกร การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในห่วงโซ่อุปทาน ช่วยให้ผู้ประกอบการในระดับกลางและเล็กสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพสูงขึ้น และตอบโจทย์มาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมได้มากขึ้น

“สิ่งสำคัญที่สุดคือการเข้าถึงแหล่งเงินทุน สำหรับผู้ประกอบการขนาดเล็กและเกษตรกร ธนาคารมีโปรแกรมสนับสนุนที่ช่วยให้ลูกค้าเหล่านี้สามารถเข้าถึงเงินทุนได้ง่ายขึ้น เพื่อนำไปใช้ในการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม”

คาดเศรษฐกิจไตรมาสสุดท้ายโต 0.7-1% 

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4 ปี 2568 คาดว่าจะขยายได้ดี โดยเฉพาะจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เช่น มาตรการ คนละครึ่งพลัส มาตรการท่องเที่ยว และการท่องเที่ยวดีขึ้น ซึ่งน่าจะหนุนให้ไตรมาส 4 จีดีพีเติบโตได้ราว 0.7-1.0% หากเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และทั้งปี 2569 คาดขยายตัวได้ 2%

อย่างไรก็ตาม มองความจำเป็นในการประคับประคองเศรษฐกิจเวลานี้ ไม่ควรทำเพียงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว แต่ต้องปลดล็อกมาตรการต่างๆเพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้เข้ามาลงทุนในประเทศ เพราะภาพใหญ่คือภาคเอกชนและสถาบันการเงิน หากเทียบกับสัดส่วนเม็ดเงินของรัฐบาลคิดเป็น 20% ของจีดีพี และส่วนใหญ่จะอยู่ในค่าใช้จ่ายเงินเดือน ทำให้การขับเคลื่อนได้ไม่มาก