ราคาทองคำเด้งขึ้น หลังร่วงลงแรงสองวัน จับตาเงินเฟ้อ คว่ำบาตร

ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นกว่า 1% หลังความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์กลับมา นักลงทุนจับตาข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐ และทรัมป์ประกาศมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่ ขัดแย้งกับจีน
รอยเตอร์ รายงานราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นกว่า 1% ในวันพฤหัสบดี (23 ต.ค.68) หลังจากปรับตัวลดลงต่อเนื่องสองวัน ด้วยแรงหนุนจากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลต่อความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่นักลงทุนกำลังจับตาข้อมูลเงินเฟ้อที่สำคัญของสหรัฐ ซึ่งจะประกาศในวันศุกร์นี้ อัปเดตล่าสุดเช้านี้ทองคำกลับมาลดลงเล็กน้อย
ราคาทองคำตลาดสปอต (Spot Gold) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1% อยู่ที่ 4,132.76 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ณ เวลา 13:49 น. ตามเวลาตะวันออกสหรัฐ (17:48 GMT) หลังจากร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบสองสัปดาห์ในวันก่อนหน้านี้
ขณะที่สัญญาทองคำล่วงหน้าสหรัฐ สำหรับส่งมอบเดือนธันวาคม (Gold Futures) ปิดตลาดพุ่งสูงขึ้น 2% ที่ 4,145.60 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
ราคาทองคำทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 4,381.21 ดอลลาร์ ในวันจันทร์ แต่ก็ปรับตัวลดลงแรงที่สุดในรอบ 5 ปีในวันถัดมา
ราคาทองคำพุ่งแรงตลอดปีนี้
“ปัจจัยพื้นฐานทั้งหมดที่ผลักดันราคาทองคำให้สูงขึ้นในปีนี้ยังคงอยู่ครบถ้วน มีการเข้าซื้อในจังหวะที่ราคาลดลง และอาจมีแรงหนุนเพิ่มจากการค้าขาย และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ดันราคาขึ้นในวันนี้” ปีเตอร์ แกรนท์ รองประธานและนักกลยุทธ์โลหะอาวุโสของ Zaner Metals กล่าว
ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 57% ตลอดปีนี้ โดยมีแรงหนุนจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ความคาดหวังการลดอัตราดอกเบี้ย และการซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องจากธนาคารกลางของหลายประเทศ
มาตรการคว่ำบาตรใหม่ และนโยบายการส่งออก
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ เมื่อวันพุธ ได้ประกาศคว่ำบาตรรัสเซียเป็นครั้งแรกในสมัยที่สองของเขาเพื่อยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน โดยมุ่งเป้าไปที่บริษัทน้ำมัน Lukoil และ Rosneft ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังพิจารณาแผนจำกัดการส่งออกซอฟต์แวร์หลากหลายประเภทไปยังจีน เพื่อตอบโต้การควบคุมการส่งออกแร่หายากของจีนล่าสุด
จับตาข้อมูลเงินเฟ้อ และการประชุมเฟด
ขณะนี้นักลงทุนให้ความสนใจกับรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐ ในวันศุกร์ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้เงินเฟ้อที่ชัดเจนที่สุดสำหรับธนาคารกลางสหรัฐ ก่อนการประชุมกำหนดนโยบายสัปดาห์หน้า โดยตลาดคาดว่าเงินเฟ้อพื้นฐานจะทรงตัวอยู่ที่ 3.1% ในเดือนกันยายน
ตลาดได้คาดการณ์ไว้แล้วว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% และคาดว่าอาจมีการปรับลดอีกครั้งในเดือนธันวาคม ทั้งนี้ตามข้อมูลของเครื่องมือติดตามเฟด
ทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ย มักได้รับประโยชน์ในช่วงอัตราดอกเบี้ยต่ำ
แนวโน้มราคาทอง และตลาดโลหะมีค่าอื่นๆ
ขณะที่ JP Morgan คาดการณ์ว่าราคาทองคำอาจแตะระดับเฉลี่ยที่ 5,055 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในไตรมาสที่สี่ ของปี 2026 โดยตั้งสมมติฐานว่าความต้องการจากนักลงทุน และการซื้อของธนาคารกลางจะอยู่ที่ประมาณ 566 ตันต่อไตรมาสในปีหน้า
ในส่วนของโลหะมีค่าอื่นๆ ราคาเงินตลาดสปอตปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.1% อยู่ที่ 49.07 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แพลทินัมเพิ่มขึ้น 0.5% ที่ 1,629.44 ดอลลาร์ ขณะที่แพลเลเดียมปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.4% ที่ 1,453.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์
อัปเดตราคาเช้านี้ (24 ต.ค.68)
บลูมเบิร์ก รายงานว่าราคาทองคำตลาดสปอตลดลง 0.4% มาอยู่ที่ 4,111.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ณ เวลา 07:30 น. ตามเวลาที่สิงคโปร์ โลหะเงินซึ่งทำสถิติสูงสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็ร่วงลงเช่นกัน และมีแนวโน้มลดลงประมาณ 6% ต่อสัปดาห์ ดอลลาร์นิ่ง โดยดัชนีบลูมเบิร์กดอลลาร์สปอตทรงตัว แพลเลเดียมแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลง และแพลทินัมปรับตัวลดลงเล็กน้อย
ราคาทองคำเตรียมหยุดสถิติการขึ้นติดต่อกัน 9 สัปดาห์ หลังจากการปรับฐานอย่างหนัก เนื่องจากนักลงทุนประเมินการฟื้นตัวของราคาทองคำที่ผลักดันให้ราคาพุ่งสูงขึ้นจนเข้าสู่เขตที่ร้อนแรงเกินไป
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก ล่าสุดรายงานว่าเช้าวันศุกร์ ราคาทองคำแท่งลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่เกือบ 4,110 ดอลลาร์ต่อออนซ์ มีแนวโน้มลดลงมากกว่า 3% ในสัปดาห์นี้ นักลงทุนยังคงพิจารณาแนวโน้มความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐ และจีนที่ดีขึ้น โดยทำเนียบขาวยืนยันว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะมีการประชุมกันในสัปดาห์หน้า เพื่อพยายามคลี่คลายสงครามการค้าที่กำลังคุกรุ่น ข้อตกลงดังกล่าวจะช่วยบรรเทาความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์บางส่วนที่ส่งผลให้มีความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำเพิ่มมากขึ้น
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







