ก.ล.ต.รับข้อกังวล‘17 โบรก‘ ลดช่องว่าง รายย่อยกับสถาบัน

ก.ล.ต. เดินหน้าปรับเกณฑ์ “ชอร์ตเซล-โปรแกรมเทรดดิ้ง” เร่งเสริมกลไกตรวจสอบ ลดความเสี่ยงตลาดทุน พร้อมรับข้อกังวล “17 บล.” พิจารณาเพิ่มเติม ลดช่องว่างรายย่อยกับสถาบัน
ความคืบหน้าการดำเนินงานสำคัญในปี 2568 ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มุ่งเน้นการสร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุนไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งการพัฒนาด้านการกำกับดูแลผู้เกี่ยวข้องในตลาดทุน และการบังคับใช้กฎหมาย
โดยภายหลังการประชุมหารือ ก.ล.ต.ร่วมกับสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ เมื่อ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้รับข้อเสนอแนะจากบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) 17 แห่ง ซึ่งมีทั้งข้อกังวลและข้อเสนอเพิ่มเติม เกี่ยวกับการปรับปรุงมาตรการกำกับดูแลการขายชอร์ต (Short Selling) และการซื้อขายแบบอัตโนมัติ (Program Trading) โดยบางประเด็นได้รับการชี้แจงแล้ว และบางส่วนอยู่ระหว่างการพิจารณาเพิ่มเติมร่วมกับคณะทำงานต่อไป
นายเอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการ และโฆษก ก.ล.ต. เปิดเผยว่า ในส่วนของข้อกังวลของบล. นั้น เกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างนักลงทุนสถาบันและรายย่อย โดยเฉพาะด้านความเสี่ยงในการชำระราคาและการตกลงวงเงินซื้อขาย ประเด็นนี้ ก.ล.ต. เห็นว่าบริษัทหลักทรัพย์สามารถกำหนดขั้นต่ำในการทำธุรกรรมได้เองตามการบริหารความเสี่ยง ส่วนจะมีการกำหนดหลักประกันเพิ่มเติม สำหรับนักลงทุนสถาบัน ก.ล.ต.รับไปพิจารณา เพื่อให้เกิดความสมดุลในการกำกับดูแล
“บล. มีข้อกังวล เรื่องรายย่อยมีความเสี่ยงมากกว่าสถาบัน เช่น ในการชำระราคา หรือตกลงวงเงินซื้อขายหุ้น ซึ่งรายย่อยมีโอกาสดีฟอล มากกว่า สถาบัน จริงๆ แล้ว มองว่า บล.สามารถกำหนดขั้นต่ำในการทำธุรกรรมได้เอง เพราะเป็นการบริหารความเสี่ยง แต่การกำหนดหลักประกันเพิ่มเติมให้กับสถาบัน ก.ล.ต.รับไปพิจารณา”
ทั้งนี้ กลไกการตรวจสอบจะดำเนินการร่วมกันระหว่างตลาดหลักทรัพย์ฯและ ก.ล.ต. โดยมีกลไกการพันยอดที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เข้าไปดูแล และทางก.ล.ต. ตรวจสอตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกชั้นหนึ่งและยังตรวจสอบ บล. ทั้งการควบคุมตัวหุ้นและหลักประกันตลาดหลักทรัพย์ เพื่อให้เกิดความมั่นใจในระบบการกำกับดูแลตลาดทุนไทย







