ความเสี่ยง 'สินเชื่อสถาบันการเงินสหรัฐ' จุดชนวนการเก็งกำไรพันธบัตร

ความเสี่ยง 'สินเชื่อสถาบันการเงินสหรัฐ' จุดชนวนการเก็งกำไรพันธบัตร

ความกังวลต่อความเสี่ยงสินเชื่อในภาคธนาคารและตลาดสินเชื่อเอกชนของสหรัฐฯ ได้กระตุ้นให้นักลงทุนแห่เข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

KEY

POINTS

  • ความกังวลต่อความเสี่ยงสินเชื่อในภาคธนาคารและตลาดสินเชื่อเอกชนของสหรัฐฯ ได้กระตุ้นให้นักลงทุนแห่เข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
  • การเข้าซื้อพันธบัตรจำนวนมากส่งผลให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นและผลักดันให้อัตราผลตอบแทน (ยีลด์) ของพันธบัตรตัวหลักร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือน
  • ทิศทางตลาดในอนาคตขึ้นอยู่กับการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อไป เพื่อรับมือกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
  • สถานการณ์นี้ตอกย้ำบทบาทของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในฐานะแหล่งหลบภัยสำคัญในช่วงวิกฤต คล้ายกับเหตุการณ์การล่มสลายของ Silicon Valley Bank

นักลงทุนทั่วโลกเร่งเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ปลุกตลาดพันธบัตรสหรัฐที่ซบเซามานานให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตร (ยีลด์) ตัวหลักร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือน

กระแสเข้าซื้อครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความไม่แน่นอนหลายด้าน ทั้งการชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐที่ทำให้ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญอย่างตัวเลขจ้างงานและเงินเฟ้อถูกเลื่อนเผยแพร่ ประกอบกับความกังวลต่อปัญหาการฉ้อโกงในตลาดสินเชื่อเอกชนที่เริ่มลุกลาม สะท้อนแรงซื้อพันธบัตรที่กลับมาชัดเจน หลังยีลด์แทบไม่ขยับมาหลายวัน

ความเสี่ยง 'สินเชื่อสถาบันการเงินสหรัฐ' จุดชนวนการเก็งกำไรพันธบัตร แรงซื้อยังสืบเนื่องจากแรงเทขายในหุ้นกลุ่มธนาคารสหรัฐ นับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศมาตรการเก็บภาษีใหม่เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา

พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ซึ่งมักสะท้อนมุมมองต่อนโยบายการเงินของเฟด ร่วงลงต่ำกว่า 3.4% จากแรงกังวลปัญหาสินเชื่อเอกชน ขณะที่พันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลงต่ำกว่า 4% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย. โดยนับเป็นครั้งที่สองในเดือนตุ.ค.ที่นักลงทุนหันมาซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย หลังความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนปะทุขึ้นเมื่อไม่นานมานี้

ปรียา มิสรา ผู้จัดการกองทุน JPMorgan Investment Management ระบุว่า

“พันธบัตรทำหน้าที่เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงได้อย่างยอดเยี่ยมในสัปดาห์นี้” พร้อมเสริมว่า “หากปัญหาด้านเครดิตหรือการค้าทวีความรุนแรงมากขึ้น ผลตอบแทนอาจปรับลดลงได้อีก เราจึงถือพันธบัตรอายุ 5-10 ปี เพื่อกระจายความเสี่ยงและสร้างความมั่นใจในการถือสินทรัพย์ที่เชื่อถือได้”

แม้แต่พันธบัตรอายุ 30 ปีก็ปรับตัวขึ้นเช่นกัน จากแรงซื้อที่สะท้อนความกังวลต่อปัญหาหนี้สาธารณะของสหรัฐ ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาทองคำพุ่งทะลุระดับ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงที่ผ่านมา

ความเสี่ยง 'สินเชื่อสถาบันการเงินสหรัฐ' จุดชนวนการเก็งกำไรพันธบัตร

จับตาท่าทีเฟด

ทิศทางของตลาดพันธบัตรสหรัฐในระยะต่อไปยังขึ้นอยู่กับการคาดการณ์ของนักลงทุนว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกเท่าใดในปีหน้า

เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ระบุเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า ตลาดแรงงานสหรัฐเริ่มชะลอตัว และอาจอ่อนแรงลงมากขึ้นในช่วงต่อไป

รายงานของบลูมเบิร์กระบุว่า เฟดเริ่มวงจรการลดดอกเบี้ยตั้งแต่เดือนก.ย.ที่ผ่านมา ปรับลด 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% โดย “เทอร์มินัลเรท” หรือระดับดอกเบี้ยเป้าหมายสูงสุดที่ตลาดคาดว่าเฟดจะลดลงไปถึง ปรับตัวลงเหลือ 3% ในเดือนนี้ ซึ่งใกล้เคียงจุดต่ำสุดที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนก.ย. 2024

นักลงทุนยังประเมินว่า หลังวันที่ 29 ต.ค. เฟดอาจลดดอกเบี้ยอีก 0.25% ในเดือนธ.ค. และอาจลดเพิ่มเติมอีกสองครั้งในปีหน้า

เดือนตุลาคมจึงตอกย้ำบทบาทของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในฐานะ “สินทรัพย์ปลอดภัย” ในยามวิกฤติ ความนิยมที่เพิ่มขึ้นยังสะท้อนความทรงจำถึงเหตุการณ์ล่มสลายของ Silicon Valley Bank เมื่อต้นปี 2023 ซึ่งขณะนั้นยีลด์พันธบัตรอายุ 2 ปีร่วงลงกว่า 1% ภายในไม่กี่วัน

เกรเกอร์รี ฟาราเนลโล นักกลยุทธ์จาก AmeriVet Securities ให้ความเห็นว่า พันธบัตรอายุ 10 ปียังมีแนวโน้มร่วงต่ำกว่า 4% ได้อีก หากสถานการณ์ในภาคการเงินและความขัดแย้งทางการค้าทวีความรุนแรงมากกว่านี้