ราคาทองคำย่อลงต่อ หลังร่วงแรงวันศุกร์ จับตาการค้าสหรัฐ-จีน  

ราคาทองคำย่อลงต่อ  หลังร่วงแรงวันศุกร์ จับตาการค้าสหรัฐ-จีน  

ราคาทองคำตลาดสปอตย่อลงต่อในเช้าวันจันทร์ หลังร่วงแรงวันศุกร์นักลงทุนจับตาสถานการณ์การค้าสหรัฐ-จีนและปัญหาสินเชื่อธนาคารสหรัฐ 

บลูมเบิร์ก รายงานราคาทองคำทรงตัวหลังจากราคาโลหะมีค่าร่วงลงอย่างหนักในวันศุกร์ (17 ต.ค.68) โดยนักลงทุนต่างจับตาดูสถานการณ์ความตึงเครียดทางการค้าล่าสุด รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านสินเชื่อของธนาคารในภูมิภาคของสหรัฐฯ 

เช้านี้ราคาทองคำตลาดสปอต (Spot Gold) ย่อลง 0.3% มาอยู่ที่4,238.96 ดอลลาร์ต่อออนซ์

สิ้นสุดสัปดาห์ที่ผันผวน ราคาทองคำแท่งปิดลดลง 1.7% เมื่อวันศุกร์ซึ่งเป็นการร่วงรายวันที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ขณะที่ราคาโลหะเงินยังคงไม่เปลี่ยนแปลงมากนักในวันจันทร์ (20 ต.ค.68) หลังจากร่วงแรงถึง 4.3% ในวันก่อนหน้า เนื่องจากสถานการณ์ขาดแคลนสต็อกในลอนดอนเริ่มคลี่คลาย

เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคชี้ว่า การปรับขึ้นรุนแรงของทองคำและเงินที่เริ่มต้นตั้งแต่เดือนสิงหาคมและผลักดันให้ราคาทำสถิติใหม่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อาจร้อนแรงเกินไปและส่งสัญญาณว่าอาจเกิดการปรับฐานในระยะสั้นได้

ขณะนี้นักลงทุนกำลังจับตาดูการประชุมระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่กำลังจะมาถึง หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แสดงความเชื่อมั่นเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วว่าการเจรจากับเจ้าหน้าที่ปักกิ่งอาจนำไปสู่ข้อตกลงเพื่อคลี่คลายวิกฤตการค้า โดยระบุว่ามาตรการเก็บภาษีระดับสูงที่เขาขู่ไว้นั้นไม่ยั่งยืน สัญญาณที่ชัดเจนของความคืบหน้าอาจทำให้ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำและเงิน อ่อนตัวลง

ถึงกระนั้น นักลงทุนยังคงไม่สบายใจเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านสินเชื่อของสถาบันการเงินในสหรัฐฯ หลังจากที่สถาบันการเงินระดับภูมิภาคสองแห่งได้เปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่ามีปัญหาสินเชื่อที่เชื่อมโยงกับข้อกล่าวหาการฉ้อโกง ปัญหาของ Zions Bancorp และ Western Alliance Bancorp ซึ่งทั้งสองแห่งจะประกาศผลรายงานในสัปดาห์นี้ อาจเป็นบททดสอบเบื้องต้นว่าแนวทางการปล่อยสินเชื่อที่มีความเสี่ยงกำลังเกิดขึ้นหรือไม่

ราคาโลหะมีค่าพุ่งสูงขึ้นในปีนี้ โดยทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่เก้าติดต่อกันในสัปดาห์ที่แล้ว ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นกว่า 60% ในปี 2568 โดยได้รับแรงหนุนจากการเข้าซื้อของธนาคารกลางและเงินทุนไหลเข้ากองทุนอีทีเอฟทองคำ นอกจากนี้ยังได้รับประโยชน์จากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่พุ่งสูงขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และการค้า ระดับการขาดดุลการคลังและหนี้สินที่เพิ่มสูงขึ้น และภัยคุกคามต่อความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐฯ

ขณะเดียวกัน โลหะเงินก็ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยพุ่งขึ้นประมาณ 80% ในปีนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยมหภาคบางส่วนที่สนับสนุนทองคำ ในลอนดอน การขาดสภาพคล่องกระตุ้นให้เกิดการไล่ซื้อโลหะชนิดนี้ทั่วโลก เนื่องจากราคาอ้างอิงพุ่งสูงขึ้นเหนือราคาฟิวเจอร์ในนิวยอร์ก

ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการถอนโลหะเงินออกจากคลังสินค้าที่เชื่อมโยงกับตลาดซื้อขายล่วงหน้า Comex ในนิวยอร์กมากกว่า 20 ล้านออนซ์ ซึ่งส่วนใหญ่น่าจะมุ่งหน้าไปยังลอนดอน ซึ่งน่าจะช่วยบรรเทาความตึงเครียดได้ ช่องว่างราคาระหว่างศูนย์กลางการซื้อขายทั้งสองยังคงกว้างอยู่ที่ประมาณ 1.35 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ว่าจะแคบกว่าสเปรดที่สูงถึง 3 ดอลลาร์ในสัปดาห์ที่แล้วมาก นอกจากนี้ยังมีเงินไหลออกจากกองทุน ETF ที่มีโลหะเงินหนุนหลังมากถึง 10 ล้านออนซ์ในวันพฤหัสบดี

อัปเดตราคาเช้านี้ 

ราคาทองคำตลาดสปอตลดลง 0.3% มาอยู่ที่ 4,238.96 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อเวลา 8:01 น. ตามเวลาที่สิงคโปร์ ดัชนี Bloomberg Dollar Spot เพิ่มขึ้น 0.1% ราคาโลหะเงินทรงตัว ขณะที่ราคาแพลทินัมและแพลเลเดียมลดลง