ทองคำทะลุ $4,200 ต่อออนซ์ เป็นครั้งแรก สงครามการค้า ดอกเบี้ยส่ง

ทองคำทะลุ $4,200 ต่อออนซ์ เป็นครั้งแรก สงครามการค้า ดอกเบี้ยส่ง

ราคาทองคำทะลุ 4,200 ดอลลาร์/ออนซ์ เป็นครั้งแรกในวันพุธ จากการคาดการณ์การลดดอกเบี้ยของเฟด สงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนปะทุขึ้นอีกรอบ และภาวะชัตดาวน์ของสหรัฐ

รอยเตอร์ รายงานว่าราคาทองคำทะลุด่านสำคัญ 4,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เป็นครั้งแรกในวันพุธ ( 15 ต.ค.68) โดยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนที่กลับมาอีกครั้งก็ช่วยกระตุ้นความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย

ราคาทองคำตลาดสปอต (Spot Gold) พุ่งขึ้น 1.4% อยู่ที่ 4,200.11 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ณ เวลา  06:59 น. มาเวลามาตรฐานกรีนิช (GMT) ซึ่งช้ากว่าไทยเจ็ดชั่วโมง 

ราคาทองคำตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของสหรัฐ ส่งมอบเดือนธันวาคม (Gold
Futures) พุ่งขึ้น 1.3% อยู่ที่ 4,218.0 ดอลลาร์สหรัฐ

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ กล่าวเมื่อวันอังคาร ว่า รัฐบาลของเขาวางแผนที่จะจัดทำรายชื่อ “โครงการของพรรคเดโมแครต” ในวันศุกร์ ซึ่งจะถูกปิดตัวลงอันเป็นผลมาจากการปิดทำการของรัฐบาลกลาง หรือภาวะชัตดาวน์ (Government Shutdown)

“การปิดทำการของรัฐบาลสหรัฐ และความเห็นในเชิงผ่อนคลายของเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด เป็นปัจจัยล่าสุดที่ทำให้ราคาทองคำเร่งตัวสูงขึ้น” แมตต์ ซิมป์สัน นักวิเคราะห์อาวุโสของ StoneX กล่าว

พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ กล่าวว่า ตลาดแรงงานสหรัฐ ยังคงซบเซา แม้ว่าเศรษฐกิจ “อาจอยู่ในแนวโน้มที่ค่อนข้างแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้”

พาวเวลล์ กล่าวว่า การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยจะดำเนินการแบบ “ประชุมต่อการประชุม” เพื่อสร้างสมดุลระหว่างความอ่อนแอของตลาดแรงงาน และอัตราเงินเฟ้อที่สูงกว่าเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง

นักลงทุนกำลังประเมินโอกาสที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในเดือนตุลาคม และธันวาคม นี้ ซึ่งแทบจะแน่นอนว่ามีโอกาสสูงมาก

ทองคำแท่งมีแนวโน้มที่จะปรับตัวดีขึ้นในสภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำ และในช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอนทางการเมือง และเศรษฐกิจ

  • ผู้ค้าไล่ตามราคาทองคำที่สูงขึ้นไม่หยุด

ราคาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยปรับตัวเพิ่มขึ้น 59% นับตั้งแต่ต้นปี โดยได้รับแรงหนุนจากหลายปัจจัย ได้แก่ ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ และเศรษฐกิจ การคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ แรงซื้อจากธนาคารกลางทั่วโลกที่แข็งแกร่ง แนวโน้มการลดการถือครองเงินดอลลาร์ลง และเงินทุนไหลเข้าจากกองทุนรวมดัชนีที่มีอย่างต่อเนื่อง

ซิมป์สัน กล่าวว่า “การปรับขึ้นครั้งนี้ได้กลายเป็นการซื้อขายตามแรงกระตุ้น ซึ่งเทรดเดอร์ต่างเข้ามาเพื่อไล่ตามราคาที่กำลังหนีห่างจากพวกเขา” 

ทรัมป์ กล่าวว่า วอชิงตันกำลังพิจารณาตัดความสัมพันธ์ทางการค้าบางส่วนกับจีน รวมถึงน้ำมันพืชด้วย โดยทั้งสองประเทศเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมท่าเรือแบบตอบโต้กันในวันอังคาร  

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจโลกในปี 2025 โดยอ้างถึงภาษีศุลกากรและสภาวะทางการเงินที่ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ พร้อมกับเตือนว่าความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐ และจีนที่กลับมาปะทุขึ้นอีกครั้งอาจฉุดรั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ราคาโลหะเงินพุ่งขึ้น 2% มาอยู่ที่ 52.48 ดอลลาร์ หลังจากแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 53.60 ดอลลาร์ในวันอังคาร ซึ่งสอดคล้องกับการพุ่งขึ้นของราคาทองคำ และอุปทานที่ตึงตัวในตลาดสปอต

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์