'พันธบัตร' พุ่งแรงทั่วโลก แห่ซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย หนีเทรดวอร์ ‘สหรัฐ-จีน’ ปะทุ

'พันธบัตร' พุ่งแรงทั่วโลก  แห่ซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย หนีเทรดวอร์ ‘สหรัฐ-จีน’ ปะทุ

ตลาดผันผวน! 'พันธบัตร' พุ่งแรงทั่วโลก นักลงทุนแห่ซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย หนีสงครามการค้าปะทุ หลังสหรัฐประกาศเก็บภาษีจีน 100% เริ่ม 1 พ.ย.นี้

ซีเอ็นบีซีรายงาน ราคาสินทรัพย์ปลอดภัยพุ่งสูงขึ้นทั่วโลกเมื่อวานนี้ (14 ต.ค.) โดยเฉพาะ “พันธบัตรรัฐบาล” ซึ่งเป็นสัญญาณว่านักลงทุนกำลังเริ่ม "หลีกเลี่ยงความเสี่ยง" อย่างจริงจัง หลังความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน กลับมาปะทุหนักอีกครั้ง ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงยุโรป เอเชีย และฟิวเจอร์สสหรัฐปรับตัวลดลง

การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ประกาศแผนการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 100% โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.เพื่อตอบโต้ที่จีนเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมการส่งออกแร่ธาตุหายาก ซึ่งการประกาศครั้งแรกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

พันธบัตรพุ่ง ผลตอบแทนร่วง

เมื่อความเสี่ยงในตลาดหุ้นสูงขึ้น นักลงทุนจึงหันไปหาพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ที่มั่นคงกว่า ส่งผลให้ราคาพันธบัตรทั่วโลกพุ่งสูงขึ้น และอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Yield) ปรับตัวลดลง 
'พันธบัตร' พุ่งแรงทั่วโลก  แห่ซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย หนีเทรดวอร์ ‘สหรัฐ-จีน’ ปะทุ

  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษ อายุ 10 ปี ลดลง 0.08%
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ อายุ 10 ปี ลดลง 0.03 %
  • พันธบัตรของฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น ก็ปรับลดลงเล็กน้อยเช่นกัน

นอกจากพันธบัตรแล้ว ทองคำ เงินเยนของญี่ปุ่น และฟรังก์สวิส ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มักถูกใช้เป็นที่หลบภัยในช่วงเวลาไม่แน่นอน ก็ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน

‘สงครามการค้า’ จุดชนวน

ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่มองตรงกันว่า การแห่ซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยในวันอังคารที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากความผันผวนและความกังวลเกี่ยวกับการปะทุของสงครามการค้าอีกครั้ง

Marc Ostwald หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก ADM Investor Services ชี้ว่า นักลงทุนกำลังมองหาวิธีรับมือกับความผันผวนในตลาดที่เกิดจากมาตรการภาษีศุลกากรใหม่  โดยการลดลงของผลตอบแทนพันธบัตรเป็นผลมาจากการ "หลีกหนีเพื่อความปลอดภัย" จากสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น เนื่องจากความผันผวนในสินทรัพย์เสี่ยงที่เพิ่มขึ้น และเตือนว่าความตึงเครียดทางการค้าสหรัฐ-จีนนี้ "ไม่น่าจะหายไปในเร็วๆนี้"

“ในระยะยาว มีความกังวลอื่น ๆ ที่จะคอยกดดันผลกำไรของตลาด เช่น ปัญหาความไม่มั่นคงทางการเมืองและหนี้สาธารณะที่สูงลิ่ว ซึ่งรัฐบาลประเทศพัฒนาแล้วยังไม่ได้หาทางแก้ไขอย่างจริงจัง”

อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยเชิงบวกที่อาจเข้ามาช่วยหนุนตลาดพันธบัตรได้ นั่นคือการประชุมประจำปีของ IMF และธนาคารโลกที่จะจัดขึ้นในสัปดาห์นี้ ซึ่งอาจมีสัญญาณเกี่ยวกับการผ่อนคลายกฎเกณฑ์การเงินของธนาคารต่าง ๆ ที่จะช่วยให้พวกเขาซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐได้ง่ายขึ้น

ด้าน Tim Hynes หัวหน้าฝ่ายวิจัยสินเชื่อของ Debtwire สรุปว่า ตลาดกำลังถูกขับเคลื่อนด้วย "ความตึงเครียดทางการค้าและความกลัวต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ"

"สงครามการค้าระหว่างสหรัฐ กับจีนที่กลับมาร้อนระอุอีกครั้ง ทำให้นักลงทุนเกิดความไม่มั่นใจและหันไป 'เลี่ยงความเสี่ยง' พวกเขาเริ่มกังวลว่าความต้องการซื้อสินค้าและบริการ (อุปสงค์) ทั่วโลกอาจจะลดลง จึงพากันแห่ไปซื้อ 'พันธบัตรรัฐบาล' ซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยกว่า"

ปัญหาภายในประเทศซ้ำเติม

นอกจากความกังวลเรื่องการค้าแล้ว ตลาดบางแห่งก็มีปัญหาภายในประเทศที่ซ้ำเติมสถานการณ์ เช่น อัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้นในสหราชอาณาจักร ความไม่มั่นคงทางการเมืองในฝรั่งเศส และการปิดทำการของรัฐบาลสหรัฐ  ซึ่งล้วนแต่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน

Russ Mould ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนของ AJ Bell เสริมว่า ตลาดพันธบัตรยังสะท้อนถึงความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอลง รวมถึงความวิตกในอุตสาหกรรมสำคัญ อย่างอุตสาหกรรมยานยนต์