ทองคำพุ่งไม่หยุดคาดไปถึง 5,000 ดอลลาร์/ออนซ์ สงครามการค้าปะทุ

ทองคำพุ่งไม่หยุดคาดไปถึง 5,000 ดอลลาร์/ออนซ์ สงครามการค้าปะทุ

ทองคำพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหนือ 4,100 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ วันอังคาร จากการคาดการณ์การลดดอกเบี้ยของเฟด และความกังวลสงครามการค้าสหรัฐ-จีนปะทุรอบใหม่ 

รอยเตอร์ รายงานราคาทองคำพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหนือระดับ 4,100 ดอลลาร์สหรัฐ ในวันอังคาร (14 ต.ค.68) โดยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ และนักลงทุนที่แห่ถอนตัวออกจากตลาดหุ้นเพื่อความปลอดภัยหลังจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างวอชิงตัน และปักกิ่งปะทุขึ้น

ราคาทองคำตลาดสปอต (Spot Gold) เพิ่มขึ้น 0.9% มาอยู่ที่ 4,145.85 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อออนซ์ ณ เวลา 13:50 น. ตามเวลาตะวันออกสหรัฐ (17:50 น. ตามเวลา GMT) หลังจากแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4,179.48 ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนหน้านี้

ราคาทองคำล่วงหน้าของสหรัฐ ส่งมอบเดือนธันวาคม (Gold Futures) เพิ่มขึ้น 0.7% ปิดที่ 4,163.40 ดอลลาร์สหรัฐ

ราคาทองคำขึ้นประมาณ 57% ในปีนี้ โดยทะลุแนวต้าน 4,100 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นครั้งแรกในวันจันทร์

การฟื้นตัวของราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากหลายปัจจัย รวมถึงความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ ความคาดหวังต่อการลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ แรงซื้อที่แข็งแกร่งของธนาคารกลาง และเงินทุนไหลเข้าจากกองทุนอีทีเอฟ ETF ที่แข็งแกร่ง

นักวิเคราะห์จากธนาคาร Bank of America และ Societe Generale คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะแตะ 5,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ในปี 2569

“ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐ และจีนที่เพิ่มสูงขึ้น การปิดทำการของรัฐบาลที่ยังคงดำเนินอยู่ และความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ จะผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติม ล้วนเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ” ปีเตอร์ แกรนท์ รองประธาน และนักยุทธศาสตร์อาวุโสด้านโลหะของ Zaner Metals กล่าว

แกรนท์กล่าวเสริมว่า ความเสี่ยงจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีน 100% การเปิดฉากการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมท่าเรือแบบตาต่อตาฟันต่อฟันของสองประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุด และแนวโน้มของการลดการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ อาจผลักดันราคาทองคำให้แตะ 5,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ภายในกลางปีหน้า

ทรัมป์เตรียมพบกับผู้นำจีน สี จิ้นผิง ที่เกาหลีใต้ปลายเดือนนี้ สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

ทองคำที่ไม่ให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยมีแนวโน้มที่จะปรับตัวดีในสภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำ และตลาดคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมเฟดในเดือนนี้ ตามมาด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระดับที่เท่ากันในเดือนธันวาคม

“จากข้อมูลที่เรามี ย่อมกล่าวได้ว่าแนวโน้มการจ้างงาน และอัตราเงินเฟ้อดูเหมือนจะไม่เปลี่ยนแปลงมากนักนับตั้งแต่การประชุมเดือนกันยายน เมื่อสี่สัปดาห์ก่อน” เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด กล่าวระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมประจำปีของสมาคมเศรษฐศาสตร์ธุรกิจแห่งชาติ

ราคาโลหะเงินตลาดสปอต ซึ่งได้รับแรงหนุนจากปัจจัยเดียวกันที่ผลักดันราคาทองคำ และภาวะตึงตัวในตลาดสปอต ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 53.60 ดอลลาร์/ออนซ์ ก่อนที่จะลดลง 0.9% มาอยู่ที่ 51.86 ดอลลาร์

ราคาแพลทินัมลดลง 0.3% มาอยู่ที่ 1,640.76 ดอลลาร์ และแพลเลเดียมเพิ่มขึ้น 3.2% มาอยู่ที่ 1,521.50 ดอลลาร์

อัปเดตราคาเช้านี้ (15 ต.ค.68)

บลูมเบิร์ก รายงานว่าราคาทองคำตลาดสปอตปรับตัวสูงขึ้น 0.5% แตะที่ 4,162.98 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อเวลา 7:32 น. ตามเวลาที่สิงคโปร์ เงินดอลลาร์นิ่ง โดยดัชนีบลูมเบิร์กดอลลาร์สปอตทรงตัว ขณะโลหะเงินปรับตัวสูงขึ้นเกือบ 1% ขณะที่แพลทินัมและแพลเลเดียมปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย

ราคาทองคำแท่งพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 4,179.70 ดอลลาร์ในวันอังคาร ราคาเงินตลาดสปอตปรับตัวสูงขึ้นหลังจากผันผวนในวันอังคาร โดยราคาพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหนือ 53.54 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนที่จะร่วงลงอย่างรวดเร็วท่ามกลางสัญญาณว่าภาวะตลาดตึงตัวครั้งประวัติศาสตร์กำลังเริ่มคลี่คลาย

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบหลายสัปดาห์ในวันอังคาร หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ส่งสัญญาณว่าธนาคารกลางสหรัฐ กำลังจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25%ในปลายเดือนนี้ อัตราผลตอบแทน และต้นทุนการกู้ยืมที่ลดลงมีแนวโน้มที่จะส่งผลดีต่อโลหะมีค่า ซึ่งไม่มีดอกเบี้ย

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์