‘3 ซีอีโอแบงก์’ เข้าโหมดลดต้นทุน เร่งปรับตัว หนุนใช้ ‘เทคโนโลยี’ เสริมแกร่งองค์กร

“3 ซีอีโอแบงก์” ประสานเสียง “เศรษฐกิจไทย” ชะลอตัวหนัก ห่วง “หนี้เสีย” ลุกลาม “เอสซีบี เอกซ์” ชู “เอไอ” ตัวช่วยลดต้นทุน “กสิกรไทย” เผชิญความท้าทายจาก “ลูกค้าเหนื่อยล้า” มุ่งเน้นเพิ่มประสิทธิภาพ “ทีทีบี” ชี้ “ข้อมูลครบ-เครดิตสกอร์ภาคบังคับ” กระดุมเม็ดแรกแก้หนี้
โดยจะเห็นว่าการปรับตัวขององค์กรในช่วงสั้นๆ 2-3 ปีที่ผ่านมา ยังมี Head Room หรือช่องว่างเหลือ ในการที่จะนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อปรับลดต้นทุน ซึ่งได้มีการทำมาอย่างต่อเนื่อง
แต่เวฟต่อไปของเทคโนโลยีอย่างเต็มพิกัดมากขึ้น เนื่องจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีอย่างเช่น AI ทำให้การนำมาใช้นั้นสามารถเกิดขึ้นได้อย่างเต็มที่ อย่างที่เราไม่เคยจินตนาการมาก่อน ตรงนี้จะทำให้โอกาสในการเพิ่มประสิทธิภาพ และลดต้นทุนอย่างรุนแรงสามารถไปต่อไปในระดับหนึ่ง
แต่สุดท้าย หากประเทศยังไม่มีอนาคต ทุกคนก็คงไม่สามารถเดินหน้าต่อได้ จากภาพวันนี้ที่ภาคเอกชนยังสามารถทำตัวรอดได้
ทั้งนี้ยอมรับว่า ในมุมของภาคการเงินถือว่ามีความท้าทายมากขึ้น หากเศรษฐกิจไม่ปรับตัวดีขึ้น โอกาสที่ภาคการเงินจะเจอหนี้เสียหรือหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้มีมากขึ้น และโอกาสที่จะปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ก็คงไม่มีโอกาสเกิดขึ้น การเพิ่มงบประมาณในส่วนของเทคโนโลยี
นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) กล่าวว่า ยอมรับในภาคการเงินวันนี้ถือว่ามีความท้าทาย และยากลำบากมากขึ้น เนื่องจากวันนี้ลูกค้าธนาคารอยู่ในจุดที่ “เหนื่อยล้า” ทั้งประชาชน และธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ
ส่งผลให้ลูกค้าไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามปกติ ดังนั้น ความท้าทายหลักที่แบงก์ต้องรับมือระยะข้างหน้าจะมาจากเศรษฐกิจประเทศ และคุณภาพของลูกค้า และ Productivity การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
นอกเหนือจากปัญหาเรื่องหนี้ และยังมาจากการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของธนาคาร เพื่อให้สามารถแข่งขันได้กับธนาคารอื่นๆ หรือผู้ให้บริการที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-Bank) ผ่านแนวทางในการเพิ่มประสิทธิภาพเหล่านี้รวมถึงการนำ AI เข้ามาใช้งานมากขึ้น
สำหรับ ภาพรวมการเติบโตของธนาคาร ยอมรับว่าสินเชื่อโดยรวม จะไม่เติบโตมากนัก เนื่องจากการเติบโตของสินเชื่อขึ้นอยู่กับการเติบโตทางเศรษฐกิจ หากเศรษฐกิจประเทศโตได้เพียง 1% กว่าๆ สินเชื่อก็จะได้โตมากที่สุดเพียง 1% กว่าๆ เท่านั้น
และหากมีการคำนวณการชำระหนี้คืน อัตราการเติบโตของสินเชื่ออาจจะติดลบ และมองแนวโน้มนี้อาจจะเห็นต่อเนื่องไปถึงปีหน้าด้วย
ส่วนของโครงการให้เกษียณอายุก่อนกำหนด โดยอยู่ที่ 45 ปีนั้น ล่าสุด ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้ว และถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทั้งในส่วนของการลดคน และจำนวนผู้สมัครเข้าร่วมโครงการ ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกองค์กร ไม่ใช่แค่ธนาคาร จะต้องดำเนินการเรื่องการลดต้นทุน และควบคุมค่าใช้จ่าย
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) กล่าวว่า แนวทางการแก้หนี้ โดยการตั้ง AMC ขึ้นในเพื่อแก้หนี้คนที่มีหนี้ไม่เกิน 100,000 บาทนั้น มองว่ากลุ่มนี้คิดเป็นเกือบ 70% ของหนี้ที่อยู่ในระบบ ภายใต้ บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ ( NCB) แต่หนี้ที่ไม่ได้อยู่ในระบบ NCB นั้น ยังมีอีกมโหฬารที่ยังไม่ถูกกล่าวถึง
ดังนั้น หากไม่สามารถทราบได้ว่าหนี้ที่อยู่ใน NCB มีมากน้อยเพียงใด ปัญหาก็จะไม่สามารถแก้ไขได้ ดังนั้นแนวทางการแก้ไขว่า คือ การติดกระดุมเม็ดแรก ให้ถูกต้อง คือ การต้องบังคับให้ทุกคนเข้าสู่ระบบ NCB เพราะ หากไม่สามารถบังคับให้ทุกคนเข้า NCB ได้ ก็จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้
ซึ่งทุกคนในนี้ หมายถึง ผู้ให้บริการการเงินทุกแห่ง ผู้ให้สินเชื่อต่างๆ ที่ต้องเข้าสู่ระบบทั้งหมดเครดิตบูโรทั้งหมด เพื่อให้เกิดรวบรวมข้อมูล เนื่องจากหากไม่มีข้อมูลก็จะไม่สามารถแก้ปัญหาได้
ซึ่งเมื่อมีข้อมูลแล้ว จะทำให้แต่ละคนมีเครดิตสกอร์ของตัวเอง และผู้ที่มีเครดิตสกอร์ที่ดีก็จะได้รับผลตอบแทนที่ดี นั่นคือ การได้รับเงินกู้โดยมีดอกเบี้ยที่ถูก หากดำเนินการได้เช่นนี้ ปัญหาก็จะสามารถแก้ไขได้แล้ว
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







