‘ธนาคารอิสลาม’ ปรับทัพสู่ ‘ยุคฟื้นฟู’ จากวิกฤติ ’หนี้เสีย’ รุกหา ‘พันธมิตร-เพิ่มทุน’ เชื่อมการเงินระดับโลก

‘ธนาคารอิสลาม’ ปรับทัพสู่ ‘ยุคฟื้นฟู’ จากวิกฤติ ’หนี้เสีย’ รุกหา ‘พันธมิตร-เพิ่มทุน’ เชื่อมการเงินระดับโลก

ธนาคารอิสลาม ชี้ธนาคารผ่านมาแล้ว 3 เฟส ล่าสุดเข้าสู่เฟส3 ของการฟื้นฟูกิจการธนาคาร เร่งลดหนี้เสีย เดินหน้าหาพันธมิตร เติมเงินกองทุนสู่เกณฑ์กำหนด

‘ธนาคารอิสลาม’ ปรับทัพสู่ ‘ยุคฟื้นฟู’ จากวิกฤติ ’หนี้เสีย’ รุกหา ‘พันธมิตร-เพิ่มทุน’ เชื่อมการเงินระดับโลก ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย” (ไอแบงก์) ถือเป็นหนึ่งในสถาบันการเงินที่เผชิญกับ “วิกฤติ” หลายครั้งในอดีต ก่อนที่จะเข้ามาสู่ “ยุคการฟื้นฟู” และ “สร้างความยั่งยืน” อย่างแท้จริง บ่งชี้ผ่านวิกฤติที่สำคัญที่สุดของธนาคารคือ “ปัญหาสินทรัพย์ไม่ก่อให้เกิดรายได้” (Non-Performing Assets หรือ NPF) ซึ่งเคยสูงถึงเกือบ 6 หมื่นล้านบาท

นับเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ ! ที่ “ยากจะฟื้นตัวได้” ในระยะเวลาอันสั้น แม้ว่าภาครัฐจะเข้ามาช่วยเหลือโดยการแยก NPF เหล่านี้ออกจากพอร์ตของธนาคาร และตั้ง AMC ภายใต้ บริษัทบริหารสินทรัพย์อิสลามแบงก์ (iAM) เพื่อจัดการกับ “หนี้เสีย” ในอดีตที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับลูกค้าหลักตามพันธกิจของธนาคาร 

หลังจากที่ ทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการและผู้จัดการ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย เข้ามาบริหาร ธนาคารเริ่มเห็นผลประกอบการเป็น “บวก” ต่อเนื่อง สะท้อนถึงแนวทางการดำเนินงานที่ถูกต้อง แต่ “ทวีลาภ” มองว่า ยังไม่เพียงพอ เพราะความสำเร็จนี้ยังไม่สะท้อนถึงความยั่งยืนที่แท้จริง

“ทวีลาภ” ฉายภาพให้เห็นถึง ภาพรวมของธนาคารอิสลามในปัจจุบัน และบทบาทหลังจากนี้ หลังจากที่ตนเข้ามาดำรงตำแหน่งในช่วงระยะเวลา 2 ปีที่เริ่มเห็นผลประกอบการที่เป็นบวกขึ้น

แต่เหล่านี้เขามองว่า “ไม่เพียงพอ” และยังไม่สามารถสะท้อนความยั่งยืนที่แท้จริงของธนาคารได้ ดังนั้น ภารกิจของทวีลาภหลังจากนี้คือการวางรากฐานเชิงกลยุทธ์เพื่อความยั่งยืนจึงเป็นเรื่องสำคัญ

ที่ผ่านมา ธนาคารอิสลามผ่าน “หลายเวฟ” ของการพัฒนา ซึ่งแบ่งเป็น 3 เวฟหลัก เวฟแรกคือ เวฟแห่งการพัฒนา ที่เป็นช่วง 10 ปีแรกของธนาคาร การสร้างระบบงานและทีมงานถือเป็นเรื่องสำคัญ เวฟที่ 2 ในช่วง 10-20 ปีที่ผ่านมา ที่เป็นช่วงของการปรับตัวและแก้ไขปัญหาหลัก จัดการหนี้ NPF

และเวฟที่ 3 คือยุคปัจจุบัน ที่ถือเป็นช่วงสำคัญที่ โดยวันนี้ธนาคารต้องเผชิญกับการปรับตัวทั้งเชิงกลยุทธ์และโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและมองไปข้างหน้าว่าจะสามารถเติบโตอย่างยั่งยืนได้อย่างไร

 

เวฟนี้ไม่ใช่เพียงการรักษาผลประกอบการ แต่เป็นช่วงของการวางรากฐานเชิงกลยุทธ์เพื่อความยั่งยืนของธนาคาร

โดยมองว่าในด้านการสร้างรากฐาน และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน มีกลยุทธ์สำคัญ 3-4 เรื่องที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องใช้เวลาและไม่สามารถสำเร็จได้ภายใน 2-3 ปี แต่เป็นทิศทางหลักที่จะช่วยฟื้นฟูและสร้างความแข็งแรงให้ธนาคาร

1.การตอกย้ำความเป็นธนาคารอิสลาม คือการสร้างความชัดเจนในตัวตนของธนาคารอิสลามถือเป็นหัวใจสำคัญ ธนาคารต้องสื่อสารความแตกต่างและเอกลักษณ์ให้ลูกค้าและนักลงทุนเข้าใจการเงินอิสลามกำลังเติบโตทั่วโลก เพื่อให้ธนาคารไทยมีโอกาสเชื่อมโยงกับตลาดเหล่านี้

และช่วยให้ธนาคารสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนใหม่และขยายฐานลูกค้า ลดความเสี่ยงจากรายได้ที่ผันผวน และสร้างความมั่นคงระยะยาว

2. การให้ความสำคัญกับพื้นที่เป้าหมาย พื้นที่สำคัญของธนาคารคือ ภาคใต้ของประเทศไทย โดยเฉพาะจังหวัดที่มีประชากรมุสลิมหนาแน่น เพราะภาคใต้ยังคงมีโอกาสทางเศรษฐกิจและสังคม ทั้งด้านเกษตร ธุรกิจบริการ และอุตสาหกรรมฮาลาล

“ทวีลาภ” กล่าวว่า ธนาคารอิสลามเปรียบเสมือนเป็น “แบงก์คนใต้” การเข้าใจชุมชนและสร้างพันธมิตรกับธุรกิจท้องถิ่นไม่เพียงช่วยสร้างรายได้ แต่ยังช่วย สร้างความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาความมั่นคงของธนาคารเมื่อต้องเผชิญวิกฤติภายนอก

3. การปรับปรุงและยกระดับองค์กร การปรับตัวองค์กรเป็นเรื่องสำคัญ ธนาคารสามารถพัฒนา Mobile Banking ได้อย่างรวดเร็ว เพื่อช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความโปร่งใส รวมถึงการทำ Transformation จะช่วยให้ธนาคารพร้อมแข่งขัน และเชื่อมโยงการเงินอิสลามกับตลาดโลกได้

ดังนั้น ในมุมของการ “สร้างการเติบโต” และ “ความยั่งยืน” ให้กับผลประกอบการ วันนี้ในมุมของ “ส่วนแบ่งการตลาด” หรือ Market Share ในบางภาคส่วน (Sector) ของห่วงโซ่ฮาลาล เช่น เกษตร ไก่ ไข่ และธุรกิจอาหาร ธนาคารได้ลูกค้าจากการบอกต่อ เพราะลูกค้ามีความไว้วางใจและมั่นใจในบริการ

ในมุมของ “กำไร” มองว่าแม้เป็นสิ่งที่สำคัญ แต่ความยั่งยืนสำคัญกว่า ธนาคารต้องการให้รายได้มีความมั่นคงไม่ขึ้นลงแบบผันผวน การจะมีความมั่นคงต้องสร้างแหล่งรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน

ซึ่ง “การเพิ่มทุน” และ “หาผู้ร่วมทุนต่างชาติ” เป็นเรื่องสำคัญในแผนฟื้นฟูธุรกิจธนาคาร และต้องตอบโจทย์และทำให้ธนาคารแข็งแรง ทั้งในเรื่องความมั่นคง การให้ความสำคัญกับพื้นที่ และการสนับสนุนชุมชนมุสลิม ผู้เข้ามาร่วมทุนต้องสามารถเสริมสร้างความแข็งแรงของธนาคารได้

โดยรูปแบบการเข้าร่วมทุนส่วนใหญ่จะเป็นการออกหุ้นเพิ่มทุน เพื่อให้ผู้ร่วมทุนสามารถเข้ามาเสริมกองทุนของธนาคาร ซึ่งรายละเอียดสัดส่วน และจำนวนเงินที่ต้องเพิ่มทุนยังอยู่ระหว่างการเจรจา และอยู่ในกรอบที่รัฐบาลและกระทรวงการคลังกำหนด เพื่อให้ธนาคารมีความแข็งแรงเพียงพอและตอบโจทย์ผู้ถือหุ้นรัฐ

โดยเฉพาะการทำให้ เงินกองทุนขั้นต่ำของธนาคารกลับมาอยู่ในระดับเหมาะสมที่ไม่ต่ำกว่า 8.5% ตามเกณฑ์ของสถาบันการเงิน แต่ปัจจุบันธนาคารยังไม่ถึงระดับนี้ยังอยู่ใกล้เคียง 0% เนื่องจากอยู่ในขั้นตอนการผ่อนผัน และปัจจุบันธนาคารโดยมี “สินทรัพย์เสี่ยง” ประมาณ 70,000 ล้านบาท

ดังนั้น การเพิ่มขึ้นเข้ามาอาจต้องพิจารณาว่าเพียงพอหรือไม่ หรืออาจต้องพิจารณามาตรการเสริมอื่น ๆ เพื่อให้กองทุนถึงระดับที่กำหนด
 

“สิ่งที่ธนาคารต้องการคือธนาคารต้องรักษาความเป็นธนาคารอิสลาม และให้ความสำคัญกับพื้นที่ที่มีชุมชนมุสลิมเป็น priority สิ่งเหล่านี้เป็นความแตกต่างที่สร้างข้อได้เปรียบในการสร้างความเข้มแข็งและความยั่งยืน ซึ่งวันนี้สิ่งที่เราทำได้ ในฐานะฝ่ายจัดการ คือมีหน้าที่รันธนาคารให้ดีที่สุด ทำหน้าที่แทนผู้ถือหุ้น รักษาสถานะการแข่งขัน ลดปัญหา และสร้างความแข็งแรงให้ธนาคาร
 

สำหรับ การวางกลยุทธ์ระยะยาว มองว่า เวฟที่สามไม่ใช่เพียงการฟื้นฟู แต่เป็นช่วงเวลาของการวางยุทธศาสตร์ระยะยาว ธนาคารต้องพัฒนากลยุทธ์เพื่อรองรับการแข่งขัน และขยายเครือข่ายทั้งในระดับประเทศและระดับสากล แม้ตลาดการเงินอิสลามในประเทศไทยยังมีขนาดเล็ก แต่ธนาคารสามารถเชื่อมโยงกับตลาดระดับโลกเพื่อสร้างโอกาสในการเติบโต

ดังนั้น การมี “พันธมิตรระดับนานาชาติ” จะช่วยให้ธนาคารสามารถขยายธุรกิจและกระจายความเสี่ยงได้ และการเข้าร่วมตลาดการเงินอิสลามระดับโลกยังช่วยให้ธนาคารสามารถเข้าถึงลูกค้าใหม่ ๆ และแหล่งเงินทุนใหม่ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญในการแก้วิกฤติที่อาจเกิดจากความผันผวนของผลประกอบการภายในประเทศ

สุดท้ายแล้ว มองว่า การแก้วิกฤติจากผลประกอบการของธนาคารอิสลามไม่ใช่เรื่องของ “การเพิ่มกำไร” เพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็น “การวางรากฐานองค์กร” ให้มั่นคงและยั่งยืน ผ่านการสร้างความชัดเจนเรื่องธนาคารอิสลาม

ดังนั้น การให้ความสำคัญกับพื้นที่และชุมชน การปรับตัวด้านเทคโนโลยี การจัดการสินทรัพย์เสี่ยง การเพิ่มทุนและหาพันธมิตร รวมถึงการวางกลยุทธ์ระยะยาวและเชื่อมโยงตลาดอิสลามระดับโลก

แนวทางเหล่านี้ล้วนเป็น “เครื่องมือสำคัญ” ที่จะช่วยให้ธนาคารสามารถฟื้นตัวและเติบโตต่อไปได้ แม้จะเผชิญกับความท้าทายจากเศรษฐกิจภายในประเทศและการแข่งขันระดับสากล การสร้างความยั่งยืนและความเชื่อมั่นจากลูกค้าและผู้ลงทุนเป็นหัวใจสำคัญที่จะป้องกันและแก้วิกฤติในระยะยาว