เปิดภารกิจผู้ว่าแบงก์ชาติ ‘ตั้งAMC แก้หนี้รายย่อย-จับตาเทรดทองผ่านแอปฯ ทำบาทแข็ง’

เปิดภารกิจผู้ว่าแบงก์ชาติ ‘ตั้งAMC แก้หนี้รายย่อย-จับตาเทรดทองผ่านแอปฯ ทำบาทแข็ง’

‘วิทัย รัตนากร’ ผู้ว่าแบงก์ชาติ เปิดภารกิจแรกหลังเข้ารับตำแหน่ง ย้ำภารกิจหลักยังคงเดิม คือ การรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจควบคู่การดูแลประชาชน พร้อมเดินหน้าแก้ปัญหาหนี้รายย่อยผ่านโครงการ AMC ติดตามค่าเงินบาท เงินเฟ้อ และผลกระทบจากการซื้อขายทองคำบนแอปฯ อย่างใกล้ชิด

นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวเปิดเวทีพบสื่อมวลชนครั้งแรกหลังเข้ารับตำแหน่ง

โดยย้ำว่าภารกิจหลักยังคงเดิม คือ การรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมหภาค ซึ่งมี 3 องค์ประกอบสำคัญ ได้แก่ การดูแลเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับต่ำแต่มีเสถียรภาพ การรักษาความเข้มแข็งของระบบการเงินและสถาบันการเงิน และการดูแลระบบการชำระเงินให้มีประสิทธิภาพ รองรับการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล

วิทัย ย้ำถึงนอกจากนี้ ต้องมีความเป็นอิสระของธนาคารกลาง ซึ่งหมายถึงการตัดสินใจทางนโยบายอย่างมืออาชีพ ไม่ถูกกดดันทางการเมือง พร้อมทำงานร่วมกับรัฐบาล กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประคับประคองเศรษฐกิจให้สมดุลและเติบโตในระดับศักยภาพ
 

สำหรับ ประชาชน ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า ทุกนโยบายและมาตรการต้องสะท้อนผลลัพธ์ต่อประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม หากธปท.รักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจได้แต่ประชาชนไม่ได้รับประโยชน์ ถือว่ายังไม่บรรลุเป้าหมายอย่างแท้จริง

ดังนั้นมาตรการเฉพาะจุดจะออกมามากขึ้น เช่น การแก้ปัญหาหนี้รายย่อยผ่าน โครงการ AMC ซึ่งร่วมกับกระทรวงการคลังและสถาบันการเงิน เพื่อโอนหนี้รายย่อยวงเงินต่ำกว่า 100,000 บาทเข้ามาบริหาร คาดช่วยคนได้กว่า 2 ล้านบัญชี

โดยอาจเริ่มต้นจากลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์ประมาณ 700,000 บัญชี และธนาคารเฉพาะกิจของรัฐประมาณ 800,000 บัญชี
 

สำหรับนโยบายการเงิน ดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันอยู่ที่ 1.50% ซึ่งอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ และยังมี policy space เหลือสำหรับใช้ในอนาคต การตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ยในระยะต่อไปจะพิจารณาจากข้อมูลเศรษฐกิจชุดใหม่ แต่มองว่า นโยบายการเงินในระยะข้างหน้าต้องอยู่ในระดังผ่อนคลายต่อไป 

สำหรับปีนี้เงินเฟ้อพื้นฐานคาดอยู่ที่ 0.9% ใกล้กรอบล่างของเป้าหมาย ส่วนสาเหตุที่เงินเฟ้อต่ำ มาจากราคาพลังงานและอาหารที่ลดลง แต่ธปท.ยังติดตามใกล้ชิดเพื่อป้องกันความเสี่ยงเงินฝืด

ในส่วน ค่าเงินบาท แม้จะยังแข็งค่า แต่ปรับลดลงแล้ว 4.5% ตั้งแต่ต้นปี ปัจจัยหลักมาจากดอลลาร์ และธปท.ติดตามความเคลื่อนไหวของ “ทุนเทา” หรือเงินปริศนาที่เข้ามา พร้อมสกัดไม่ให้ส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ ยังติดตามการซื้อขาย ทองคำผ่านแอปฯ ซึ่งอาจมีผลทำให้เงินบาทแข็งขึ้น ซึ่งธปท.กำลังหารือกับกระทรวงการคลังและร้านทองเพื่อหาแนวทางป้องกันผลกระทบ

สำหรับแนวคิดตั้ง กองทุนมั่งคั่งแห่งชาติ วิทัยมองว่า ไม่ช่วยให้เงินบาทอ่อนค่า เพราะเงินสำรองหลักเป็นดอลลาร์ การโยกเงินไปกองทุนใหม่จะไม่สร้างผลกระทบต่อค่าเงินบาท

นอกจากนี้ ธปท.ยังคงเดินหน้าต่อเนื่องสำหรับโครงการเดิม เช่น Virtual Bank เพื่อเพิ่มโอกาสเข้าถึงสินเชื่อ และแนวคิด Risk-Based Pricing การคิดดอกเบี้ยตามระดับความเสี่ยง จะช่วยให้ผู้กู้ที่มีเครดิตดีเข้าถึงสินเชื่อในอัตราที่เหมาะสม