PWC ชี้ 5 เมกะเทรนด์พลิกโฉมธุรกิจไทย ยุคแห่ง AI -Climate Change

PWC ชี้ 5 เมกะเทรนด์สำคัญที่กำลังเปลี่ยนภูมิทัศน์ธุรกิจไทย ยุคแห่งAI-Climate Change พลิกโฉมตัวเอง สร้างมูลค่าเชื่อมโยงธุรกิจข้ามภาคส่วน และสร้างความเชื่อมั่น
KEY
POINTS
- PWC ชี้ 5 เมกะเทรนด์สำคัญที่กำลังเปลี่ยนภูมิทัศน์ธุรกิจไทย ได้แก่ การใช้ AI, การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, จำนวนแรงงานลดลง, ความแตกแยกทางภูมิรัฐศาสตร์ และความจำเป็นในการพลิกโฉมธุรกิจ
- AI เป็นเทรนด์หลักที่ผู้บริหารไทยกว่า 74% นำมาปรับใช้แล้ว เพื่อเพิ่มผลกำไรและเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน
- ธุรกิจจำเป็นต้องพลิกโฉมตัวเอง (Reinvention) โดยสร้างมูลค่าจากการเชื่อมโยงธุรกิจข้ามภาคส่วน เพื่อความอยู่รอดในอนาคต
- การสร้างความเชื่อมั่น (Trust) เป็นปัจจัยสำคัญสู่ความสำเร็จ โดยองค์กรที่น่าเชื่อถือจะมีมูลค่าสูงกว่าและสามารถรักษาฐานลูกค้าได้ดีกว่า
วานนี้ (9 ต.ค.) เวทีสัมมนาใหญ่ “Thailand Economic Outlook 2026: Out of The Trap” โดยกรุงเทพธุรกิจ นายพิสิฐ ทางธนกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท PWC ประเทศไทย กล่าวถึง Value in Motion and Thai CEOs' Agenda for 2026 ว่า การพลิกโฉมธุรกิจ ท่ามกลางเมกะเทรนด์โลกและความสำคัญของการสร้างความเชื่อมั่น ทาง PWC พบว่ามี 5 เมกะเทรนด์สำคัญที่กำลังเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ทางธุรกิจทั่วโลกและในประเทศไทย ได้แก่
1.การนำ AI มาใช้ เป็นเทรนด์สำคัญที่ทุกฝ่ายให้ความสนใจ ผู้บริหารในไทยกว่า 74% ได้นำ AI มาใช้แล้ว โดย 37% พบว่า AI ส่งผลต่อผลกำไรที่ดีขึ้น และ 48% มีแผนใช้ AI เพื่อสร้างผลกำไรในอนาคต ทั่วโลกมีอัตราการใช้ AI สูงถึง 79% AI มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงและเป็นโอกาสในการสร้างมูลค่า
2 . การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) การดำเนินธุรกิจต้องคำนึงถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมและเป้าหมาย Net Zero การปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงานระดับสากล (S1, S2) เป็นสิ่งจำเป็น แม้จะมีต้นทุนสูง แต่ 76% ของ CEO ในไทยยินดีลงทุนเพื่อปรับปรุงธุรกิจให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ 66% ของผู้บริโภคยินดีจ่ายเงินเพิ่มสำหรับผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
3.จำนวนแรงงานลดลง ทั้งทั่วโลกและในไทยประสบปัญหาประชากรลดลงจากการเสียชีวิตมากกว่าการเกิด AI จึงเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน
4.ความแตกแยกทางภูมิรัฐศาสตร์ โลกแบ่งออกเป็นสองขั้วอย่างชัดเจน (ระหว่างสหรัฐฯ กับ จีน/BRICS/อาเซียน) ประเทศไทยควรวางตัวเป็นกลางเพื่อรักษาการค้าและดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI)
5.ความจำเป็นในการพลิกโฉมธุรกิจ (Reinvention) โดยมุมมองของ CEO พบว่า กว่า 81% ของ CEO เชื่อว่าต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ธุรกิจในปัจจุบัน และ 19 ใน 22 ภาคส่วนธุรกิจได้เริ่มดำเนินการเปลี่ยนแปลงแล้ว หากยังทำธุรกิจแบบเดิมจะไม่สามารถอยู่รอดได้ใน 10 ปีข้างหน้า
นายพิสิฐ กล่าวด้วยว่า ดังนั้น ภาคธุรกิจ มีความจำเป็นในการ “ปรับเปลี่ยนรูปแบบการสร้างมูลค่า” เพราะจากแนวคิด Supply Chain แบบดั้งเดิมกำลังเปลี่ยนไปสู่การสร้างมูลค่าจากการเชื่อมโยงและผสมผสานธุรกิจข้ามภาคส่วน
โดย PWC ระบุ 9 โดเมนการเติบโตใหม่ ได้แก่ Build (ก่อสร้าง), Make (การผลิต), Feed (อาหาร), Fuel & Power (พลังงาน), Care (สุขภาพและโรงพยาบาล), Move (การเดินทาง), Govern & Serve (ภาครัฐและการบริการ), Connect & Compute (เทคโนโลยีและการเชื่อมต่อ), และ Fund & Insure (การเงินและการประกันภัย)
การสร้างมูลค่าในอนาคตจะมาจากการผสานรวมธุรกิจเข้าด้วยกัน ตัวอย่างเช่น การร่วมมือกันระหว่างธนาคาร บริษัทมือถือ และบริษัทน้ำมัน เพื่อสร้างธุรกิจใหม่ อย่าง Digital Banking
แต่ผลกระทบต่อมูลค่าธุรกิจในอนาคต หากมี ”Trust-based Transformation”ทำให้การเปลี่ยนแปลงอย่างราบรื่น ใช้ AI อย่างมีจริยธรรม และร่วมมือกันจะทำให้ มูลค่าธุรกิจจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่หากโลกวุ่นวาย แตกแยก ใช้ AI ไร้กฎระเบียบ มูลค่าจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
และ ในการปรับตัวสำหรับองค์กร (Reinvention) ซึ่งมีความปแตกต่างกัน แต่ละองค์กรจะเป็นผู้ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง (Be a movement master) โดยต้องมีการกำหนดแผนร่วมกันที่ชัดเจน มองว่า เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ซึ่งองค์กร “ต้องกล้าที่จะตัดสินใจ และยอมรับความไม่แน่นอน ”
โดย “ต้องกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ” (Take big swings) มองหาโอกาสในการเชื่อมโยงธุรกิจกับผู้อื่นเพื่อเพิ่มมูลค่า ต้อง “คิดใหญ่ แต่ลงมือทำเล็ก“ (Think big, act small) คือการตั้งเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ แต่เริ่มดำเนินการด้วยขั้นตอนเล็กๆ ที่เป็นรูปธรรม
นอกจากนี้ องค์กรต้องให้ความสำคัญของ “ความเชื่อมั่น” (Trust) เพราะเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จของธุรกิจนั้น พบว่า ลูกค้า 86% จะกลับมาซื้อสินค้าจากแบรนด์ที่เชื่อถือได้ , บริษัทที่มีความน่าเชื่อถือจะมีมูลค่าสูงกว่าบริษัทอื่นถึง 2.5 เท่า และ 93% ของ CEO เห็นว่ามูลค่าของบริษัทมาจากความเชื่อมั่นที่มอบให้แก่สาธารณชน
สำหรับองค์ประกอบของความเชื่อมั่นองค์กร จะมาจาก 3 ส่วน คือ 1 .Accountable Trust ความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ให้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือ 2. Digital Trust การดูแลความปลอดภัยของข้อมูล การป้องกันการรั่วไหลและการหลอกลวง และ 3 .Performance Trust ผลประกอบการที่ดีและสม่ำเสมอ เพื่อดึงดูดนักลงทุน
นายพิสิฐ ย้ำว่า ธุรกิจจำเป็นต้องพลิกโฉมตัวเอง มองหาการเติบโตของมูลค่าผ่านการเชื่อมโยงกับธุรกิจที่เกี่ยวข้อง โดยมี AI เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก พร้อมทั้งรับผิดชอบต่อสังคมในเรื่องสภาพภูมิอากาศ และสร้างความน่าเชื่อถือรอบด้านให้กับแบรนด์ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ฉลาดขึ้นและให้ความสำคัญกับทั้งประสิทธิภาพ สิ่งแวดล้อม และความน่าเชื่อถือ







