‘ขัตติยา’ “ชี้การเงินยั่งยืน” กุญแจป้องกัน วิกฤติเศรษฐกิจ

‘ขัตติยา’ “ชี้การเงินยั่งยืน” กุญแจป้องกัน วิกฤติเศรษฐกิจ

‘ขัตติยา’ กสิกรไทย ชี้ “การเงินยั่งยืน” กุญแจป้องกันวิกฤติเศรษฐกิจ เตือนไทยต้องเริ่มตอนนี้ เพื่อหลุดกับดักรายได้ปานกลาง

นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย กล่าวในหัวข้อ “การเงินยั่งยืน เกราะป้องกันวิกฤติเศรษฐกิจ”ในงาน Thailand Economic Outlook 2026 Out of the Trap กรุงเทพธุรกิจ ว่า “การเงินยั่งยืน” หมายถึง การจัดสรรเงินลงทุนหรือให้สินเชื่อไปยังภาคส่วนที่มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero หรือลดการปล่อยคาร์บอนสุทธิให้เป็นศูนย์

แนวคิดนี้ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงสองปีที่ผ่านมา แต่โจทย์ปัจจุบันไม่ได้จำกัดอยู่แค่ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมเท่านั้น ยังหมายถึงกรอบทางการเงินที่จะช่วยป้องกันวิกฤติเศรษฐกิจได้ด้วย

หากมองไปที่การเงินยั่งยืนในไทย โดยเฉพาะการเงินสีเขียว พบว่ายังอยู่ในระดับต่ำมาก มูลค่าการเงินสีเขียวรวมทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 480,000 ล้านบาท แม้ว่าหากนับรวมทั้งตราสารหนี้ และผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่างๆ ก็ยังไม่ถึง 2-5% ของสินเชื่อรวมทั้งหมดในประเทศ ซึ่งยังห่างไกลจากเป้าหมาย Net Zero

อย่างไรก็ตาม การเงินยั่งยืนไม่ควรถูกตีกรอบเฉพาะการปล่อยกู้เพื่อเป้าหมาย Net Zero เพราะในขณะที่โลกกำลังเดินหน้าเรื่อง Green Finance ประเทศไทยยังต้องเผชิญกับปัญหาเฉพาะหน้าอีกมาก ทั้งปัญหาเศรษฐกิจระยะสั้นที่ต้องแก้ไขทันที และปัญหาเชิงโครงสร้างในระยะกลาง และยาว

อย่างไรก็ตามในมุมธนาคารกสิกรในด้านสิ่งแวดล้อม ธนาคารได้เพิ่มเป้าสนับสนุนสินเชื่อเพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่ Net Zero เป็นมูลค่า 400,000–500,000 ล้านบาท เพื่อช่วยให้ลูกค้าเดินหน้าสู่เป้าหมายดังกล่าวได้อย่างจริงจัง

สำหรับโจทย์เรื่อง “การเงินยั่งยืนเพื่อป้องกันวิกฤติเศรษฐกิจ” ปิติเห็นว่า คือ การจัดสรรเงินทุน และสินเชื่อให้สอดคล้องกับประเด็นทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความมั่นคง และความทั่วถึง โดยเฉพาะในแง่ Financial Inclusion หรือการเข้าถึงระบบการเงินอย่างเท่าเทียม หากทำได้จริง เศรษฐกิจไทยก็จะมีฐานมั่นคง และเติบโตอย่างยั่งยืน

คำถามสำคัญไม่ใช่เพียงว่าเราจะทำอย่างไร แต่คือ ทำไมต้องเริ่มเดี๋ยวนี้ เพราะหากไม่เริ่ม ประเทศไทยอาจพลาดโอกาสในการเติบโตทั้งในระดับธุรกิจ และระดับประเทศ

หนึ่งในปัญหาเชิงโครงสร้างสำคัญของไทย คือ กับดักรายได้ปานกลาง หรือ Middle Income Trap ซึ่งประเทศไทยติดอยู่ในกับดักนี้มานานถึง 40 ปี โดยเฉพาะ 10–12 ปีที่ผ่านมา รายได้เฉลี่ยของคนไทยแทบไม่เติบโต ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 7,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือราว 20,000 บาทต่อเดือน หากต้องการหลุดพ้นจากกับดักนี้ ต้องเพิ่มรายได้ต่อหัวเป็นอย่างน้อย 12,600 ดอลลาร์ต่อปี หรือประมาณ 35,000 บาทต่อเดือน ซึ่งถือเป็นโจทย์ใหญ่

การออกจากกับดักนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากสามภาคส่วนหลัก ได้แก่ ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน โดยแต่ละภาคมีบทบาท และความท้าทายแตกต่างกัน ภาครัฐต้องรับมือกับระดับหนี้สาธารณะสูงถึง 64% ของจีดีพี

ขณะที่ขีดความสามารถการแข่งขันยังอยู่ในระดับต่ำ ส่วนสถาบันการเงินต้องบริหารจัดการคุณภาพหนี้อย่างใกล้ชิด ในขณะที่ภาคเอกชน และประชาชนต้องปรับตัวภายใต้เศรษฐกิจที่เติบโตช้า และผันผวน

ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาเฉพาะหน้า เช่น ผลกระทบจากสงครามการค้า ภาษีนำเข้า การเข้าสู่สังคมสูงวัย การเปลี่ยนแปลงของห่วงโซ่อุปทานโลก รวมถึงเทคโนโลยี และสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง

ดังนั้นจึงจำเป็นต้องปรับโครงสร้างเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในระยะยาว หากยังทำแบบเดิม ประเทศไทยก็จะยังคงอยู่ในกรอบเดิม

ในมุมของภาครัฐ มองว่าต้องเร่งสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจให้แข็งแรง ผ่านนโยบายที่สนับสนุนผู้ประกอบการ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลาง และขนาดเล็ก ต้องลดอุปสรรคในการทำธุรกิจ และทำให้กฎระเบียบต่างๆ มีความเท่าเทียม เพื่อให้ผู้ประกอบการรายเล็กสามารถแข่งขันได้บนกติกาเดียวกับรายใหญ่

เช่นเดียวกับภาคเอกชน ที่ต้องกลับมาจัดการโครงสร้างทางการเงินของตนเอง โดยเฉพาะการนำหนี้นอกระบบกลับเข้ามาอยู่ในระบบ เพื่อเข้าถึงแหล่งทุนอย่างถูกต้อง ลดภาระดอกเบี้ย และบริหารต้นทุนทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ การเพิ่มผลิตภาพทั้งในด้านการผลิต และการดำเนินงาน จะช่วยให้สามารถเพิ่มรายได้ และเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของความยั่งยืนทางธุรกิจ

บทบาทของธนาคารถือเป็นสิ่งสำคัญในการจัดสรรทรัพยากรทางการเงินให้ถูกทิศทาง ต้องนำเงินทุน และสินเชื่อไปสู่ภาคส่วนที่สามารถต่อยอด และขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้จริง เพราะทรัพยากรมีจำกัด

ธนาคารจึงต้องส่งเงินไปยังที่ ที่ใช่เพื่อสร้างผลลัพธ์สูงสุด ทั้งในด้านการเข้าถึงแหล่งทุน การสร้างโซลูชันทางการเงินใหม่ๆ และการช่วยให้ลูกค้าธุรกิจมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือกับความผันผวนของเศรษฐกิจ

เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ดังกล่าว ธนาคารต้องลดต้นทุนทางการเงินของผู้ประกอบการ ผ่านการหาทุนราคาถูก และปรับปรุงกระบวนการทำงานภายในให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้เพื่อให้ธุรกิจสามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน และพร้อมต่อยอดเศรษฐกิจไทยไปสู่เป้าหมาย Net Zero และความมั่นคงในระยะยาว

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์