‘วิทัย’ ยืนโจทย์บริหารธปท. ‘รักษาเสถียรภาพศก.-อิสระจากการเมือง’

‘วิทัย’ ยืนโจทย์บริหารธปท.  ‘รักษาเสถียรภาพศก.-อิสระจากการเมือง’

’วิทัย’ ผู้ว่าแบงก์ชาติ ยืนหลักการธปท. ต้องมีหน้าที่รักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ พร้อมรักษาความอิสระออกจากแรงกดดันทางเมือง

เข้าวังบางขุนพรหม”วันแรก 1 ต.ค. 2568 สำหรับ “วิทัย รัตนากร” ที่เข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการธปท. ลำดับที่ 25 หรือ ผู้ว่าคนที่ 22 ของธปท. อย่างเป็นทางการ ท่ามกลางการดำรงตำแหน่งของผู้ว่าการธปท. เวลานี้ถูกคาดหวังอย่างมากว่า ผู้ว่าฯ คนใหม่จะต้องเร่งดำเนินภารกิจหลายด้านที่เป็นปัญหาต่างๆ ในปัจจุบันทั้งจากปัจจัยภายในประเทศและต่างประเทศ

นายวิทัย รัตนากร เข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ในโอกาสที่เข้ารับตำแหน่งผู้ว่าฯ ธปท. ในวันแรกและที่ได้มีโอกาสเข้ามาทำงานที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ในตำแหน่งผู้ว่าธปท. ถือว่าเป็น “ตำแหน่งอันทรงเกียรติ”

โดยบทบาทหลักในการดำรงตำแหน่งคือ ยึดมั่นในภารกิจหลัก ซึ่งคือ การดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจมหภาค หรือเรื่องเสถียรภาพ เป็นสำคัญ นอกจากนี้ ธปท. จะต้องมีความเป็นอิสระจากการกดดันทางการเมืองด้วย

ทั้งนี้ มองว่าภาพรวมและปัญหาของเศรษฐกิจในปัจจุบัน ภาวะเศรษฐกิจมีปัญหามากมาย โดยมีปัญหาครอบคลุม ทั้งระยะสั้น ระยะยาว และปัญหาเชิงโครงสร้าง ปัญหาที่ต้องเร่งเข้าไปดูแลมีหลายประการในระยะสั้น และยังมีปัญหาเชิงโครงสร้างในระยะยาวที่ต้องให้ความสำคัญด้วย

ซึ่งบทบาทของธปท. ถือว่าเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่โดยตรงในการดูแลเศรษฐกิจ แม้ว่าจะเป็นวันแรกที่เข้ามาทำงาน แต่ตนจะพยายามเข้ามาดูแล เท่าที่จะมีกำลังสามารถ

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าหน้าที่ของภารกิจของแบงก์ชาติมีจำนวนหนึ่ง และเนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องใหญ่ การดูแลประคับประคองเศรษฐกิจจึงต้อง อาศัยความร่วมมือกันกับทุกหน่วยงาน ซึ่ง ธปท. ยินดีที่จะร่วมมือกับกระทรวงคลังและทุกหน่วยงาน ที่จะเข้ามาดูแลและประคับประคองเศรษฐกิจ ไม่ใช่ต่างกันต่างทำหน้าที่

เป้าหมายหลักคือด้วยดูแลเศรษฐกิจร่วมกัน เพื่อทำให้เศรษฐกิจ เติบโตอย่างสมดุล และสามารถ ก้าวไปสู่ศักยภาพที่ควรจะเป็น

“ธปท.ยังคงยึดมั่นในภารกิจหลัก ซึ่งคือ การดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจมหภาค นอกจากนี้ ธปท. จะต้องมีความเป็นอิสระจากการกดดันทางการเมืองด้วย ส่วนภาพรวมปัญหาของเศรษฐกิจในปัจจุบันมีปัญหามากมาย ทั้งระยะสั้น ระยะยาว และปัญหาเชิงโครงสร้าง ปัญหาที่ต้องเร่งเข้าไปดูแลมีหลายประการในระยะสั้น และยังมีปัญหาเชิงโครงสร้างในระยะยาวที่ต้องให้ความสำคัญด้วย บทบาทของ ธปท.ยินดีจะร่วมมือกับกระทรวงคลัง และทุกหน่วยงาน ที่จะเข้ามาดูแล และประคับประคองเศรษฐกิจ ไม่ใช่การที่แบงก์ชาติจะต่างคนต่างทำกับหน่วยงานอื่น”

  • โจทย์ใหญ่วัดฝีมือ “ผู้ว่าธปท.” คนใหม่

การเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ของ วิทัย รัตนากร ครั้งนี้ ถือเป็นภารกิจที่ไม่ง่าย และเต็มไปด้วยความท้าทายอย่างยิ่ง ท่ามกลางปัญหาทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะโจทย์ใหญ่ที่ซับซ้อน ทั้งปัญหาเก่าที่สะสมและปัญหาใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นจากแรงกดดันเศรษฐกิจโลกและปัจจัยภายในประเทศ

หนึ่งในประเด็นที่สังคมจับตามองคือ ผู้ว่าฯ คนใหม่จะสามารถรักษา ความเป็นอิสระของธนาคารกลาง ได้มากน้อยเพียงใด ในขณะที่พื้นที่ในการดำเนินนโยบายการเงิน หรือ policy space โดยเฉพาะการใช้อัตราดอกเบี้ย กำลัง “แคบลง” หลังจากดอกเบี้ยลดลงมาอยู่ที่ระดับ 1.50%

ท่ามกลางแรงกดดันทางการเมืองที่อยากเห็นการปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม เพื่อพยุงเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัว นั่นหมายความว่า ผู้ว่าฯ วิทัย ต้องชั่งน้ำหนักและใช้เครื่องมือที่เหลืออยู่ด้วยความระมัดระวังและคุ้มค่ามากที่สุด

เพราะเมื่อ policy space มีจำกัด หากเศรษฐกิจชะลอตัว ธปท. หรือคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจไม่สามารถปรับลดดอกเบี้ยได้มากนัก ดังนั้น การบริหารนโยบายการเงินในยุคของวิทัยจึงต้องอาศัยการทำงานร่วมกันอย่างรอบคอบกับคณะกรรมการทุกคน

นอกจากปัจจัยภายในประเทศแล้ว ปัจจัยต่างประเทศก็สร้างแรงกดดันไม่แพ้กัน โดยเฉพาะสงครามการค้า และมาตรการภาษีของสหรัฐ ที่ทำให้การแข่งขันเชิงภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างมหาอำนาจยังคงรุนแรงต่อเนื่อง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการค้าโลก

ประเทศไทยในฐานะประเทศที่พึ่งพาการส่งออกสูงย่อมเผชิญปัญหาคำสั่งซื้อที่ลดลง ความไม่แน่นอนของห่วงโซ่อุปทาน และแรงกดดันด้านต้นทุนการผลิต ทั้งหมดนี้สะท้อนกลับมาที่ภาคการเงินไทยในรูปของ ความผันผวนค่าเงินบาทและเงินทุนเคลื่อนย้าย

ผลที่เห็นได้ชัดคือ ค่าเงินบาทแข็งค่า ซึ่งนับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันแข็งค่าขึ้นแล้วถึง 8% และนำหน้าประเทศอื่นในภูมิภาค การแข็งค่าของเงินบาทกลายเป็นปัจจัยกดดันผู้ส่งออกไทยและกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันทางการค้า ทำให้การดูแลค่าเงินเป็นโจทย์ใหญ่ที่ผู้ว่าฯ วิทัยต้องเผชิญตั้งแต่วันแรก ๆ ของการทำงาน

โดยต้องหาสมดุลระหว่างการรักษาเสถียรภาพค่าเงินกับการหลีกเลี่ยงการแทรกแซงตลาดมากเกินไป ซึ่งอาจนำไปสู่การถูกวิจารณ์ว่าบิดเบือนกลไกตลาด หรือแม้กระทั่งเสี่ยงถูกมาตรการตอบโต้จากต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐ ภายใต้แรงกดดันจากทุนสำรองที่เพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์

อีกหนึ่งโจทย์ที่ผู้ว่าฯ วิทัยต้องเผชิญคือ ข้อเรียกร้องให้จัดตั้งกองทุนมั่งคั่งแห่งชาติ (SWF) ด้วยการนำทุนสำรองระหว่างประเทศบางส่วนซึ่งปัจจุบันสูงกว่า 9 ล้านล้านบาทมาใช้เพื่อการลงทุนหรือกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ แม้แนวคิดนี้จะมีการถกเถียงมานาน แต่การนำทุนสำรองมาใช้ต้องอาศัยความรอบคอบสูงสุด เพราะทุนสำรองถือเป็นกันชนหลักของเสถียรภาพค่าเงินและความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ

การใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการเมืองอาจสร้างความกังวลต่อความเป็นอิสระของ ธปท. และทำให้ผู้ว่าฯ ถูกตั้งคำถามทันทีว่าจะยืนอยู่ในฐานะ “มืออาชีพ” หรือ “คนการเมือง”

ดังนั้น ความท้าทายที่สำคัญที่สุดของผู้ว่าฯ วิทัยคือ การรักษา ความน่าเชื่อถือของธนาคารกลาง ท่ามกลางแรงกดดันรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจด้านอัตราดอกเบี้ย ค่าเงินบาท หรือทุนสำรอง ทั้งหมดต้องตั้งอยู่บนหลักการวิชาการและความเป็นอิสระ ไม่ใช่การตอบสนองแรงกดดันการเมืองระยะสั้น

ท้ายที่สุด การเข้ามาของวิทัย รัตนากร ในตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท. ไม่ได้หมายถึงเพียงการสืบต่อภารกิจจากผู้ว่าฯ คนก่อน แต่ยังเป็นการเผชิญกับโจทย์ที่ยากและซับซ้อนกว่าหลายยุคสมัย ทั้งสงครามการค้าโลก ค่าเงินบาทแข็ง policy space ที่จำกัด และข้อเรียกร้องในการใช้ทุนสำรองจัดตั้งกองทุนมั่งคั่ง

การตัดสินใจของผู้ว่าฯ คนใหม่จากนี้ไป จะเป็นบทพิสูจน์สำคัญว่า เขาจะสามารถรักษาสมดุลระหว่าง เสถียรภาพเศรษฐกิจ ความมั่นคงทางการเงิน และความเป็นอิสระของธนาคารกลาง ได้เพียงใด ในยุคที่โลกเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน