บลจ.กสิกรไทยชี้ ‘หุ้นไทย’ ฟื้นจำกัด เฟ้น‘หุ้นปันผล’ โตเด่น

บลจ.กสิกรไทยชี้ ‘หุ้นไทย’ ฟื้นจำกัด เฟ้น‘หุ้นปันผล’ โตเด่น

“บลจ.กสิกรไทย” มองหุ้นไทยระยะสั้น “ดาวน์ไซด์จำกัด” ดัชนีสิ้นปี 1,340 จุด แต่ระยะยาว “ฟื้นช้าตามจีดีพีโตไม่ทัน” เฟ้นหาทางรอดลงทุน “หุ้นปันผล” แกร่ง SETHD ปันผลแรง 6.5% 

KEY

POINTS

  • บลจ.กสิกรไทยคาดการณ์ว่าตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างจำกัดจากปัญหาเชิงโครงสร้างระยะยาว แม้ปัจจัยเสี่ยงระยะสั้นจะคลี่คลายลง
  • แนะกลยุทธ์ลงทุนใน "หุ้นปันผลสูง" ที่ให้ผลตอบแทนโดดเด่นและสม่ำเสมอ เพื่อสร้างรายได้และรักษามูลค่าพอร์ตการลงทุนในภาวะตลาดเติบโตช้า
  • กลุ่มหุ้นปันผลสูงที่น่าสนใจคือกลุ่มธนาคารพาณิชย์และพลังงาน โดยคาดว่าหุ้นกลุ่ม SET HD จะให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงกว่า 6%

นายวิน พรหมแพทย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (KAsset) เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทย 6 เดือนข้างหน้า (ไตรมาส 4/2568-ไตรมาส 1/2569) ระยะสั้นดาวไซด์จำกัด จากปัจจัยความไม่แน่นอนทั้งภาษีทรัมป์ และการเมืองในประเทศ ได้ผ่านไปพ้นแล้ว 

ขณะที่ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย (GDP) และสัญญาณการปรับประมาณการกำไรที่เริ่มแตะระดับต่ำสุด รวมถึงแรงสนับสนุนนโยบายการเงินและนโยบายการคลัง ที่ตลาดมีมุมมองบวก สอดประสานการทำงานได้ โดยนโยบายการคลัง มีมาตรการกระตุ้นบริโภค “คนละครึ่ง” วงเงิน 60,000 ล้านบาท หนุนจีดีพีเพิ่มขึ้น 0.3% จาก จีดีพีไทย 1.8% ในปีนี้ และนโยบายการเงินผ่อนคลาย คาดปรับลดดอกเบี้ยนโยบายอีกราว 0.5-0.75% ใน12 เดือนข้างหน้า เมื่อปรับลดดอกเบี้ยทุก 0.25% ดันดัชนีปรับขึ้นถึง 40จุด แต่หากมีการปรับลดดอกเบี้ยในเดือน ต.ค.นี้ คาดว่าดัชนียังไม่ขึ้นแรงเพราะว่าตลาดรับข่าวล่วงหน้าแล้ว

ดังนั้น แม้ตลาดหุ้นไทย ยังซื้อขายในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว โดยเรายังมองเป้าหมายดัชนีปลายปีนี้อยู่ที่ระดับ 1,300-1,340 จุด และแนวรับ1,220 จุด และเป้าหมายดัชนีในปีหน้า 1,400 จุด

ขณะที่ แนวโน้มหุ้นไทยระยะยาว มองยังมีข้อจำกัดต่อศักยภาพการขยายตัวเศรษฐกิจระยะยาว ทั้งจากปัญหาโครงสร้างประชากรสูงวัย หนี้ครัวเรือนสูง ความสามารถในการแข่งขัน และประสิทธิภาพด้านธรรมภิบาล

โดยจะพบเศรษฐกิจไทยเติบโตช้าลงต่อเนื่องช่วง 4 ปีที่ผ่านมา เติบโตเฉลี่ย 0.5% ต่อปี และในอนาคตยังโตช้ากว่าประเทศเกิดใหม่ กดดันกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) และดัชนีตลาดหุ้นไทยฟื้นช้า ดังนั้น คาดการณ์ใน 10-15 ปีข้างหน้า จีดีพีไทยโตเฉลี่ย 2-3% เงินเฟ้อ 3% ส่งผลให้หุ้นไทยโตจำกัด คาดกำไรบริษัทจดทะเบียนในปีนี้เติบโตราว 4% แต่หลังหักค่าใช้จ่ายและปัจจัยอื่นๆ แล้วเหลือเพียง 1%

ในแง่ผลตอบแทนหุ้นไทย เติบโตเฉลี่ย 5% จากผลตอบแทนดัชนี 1% ผลตอบแทนเงินปันผล 4% ช่วยพยุงผลตอบแทนหุ้นไทยในภาพรวม ให้ผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนีหุ้นโลก เติบโต 6% 

โดยหุ้นไทยกลุ่มปันผลจึงยังเป็นตัวช่วยสร้างรายได้และรักษามูลค่าพอร์ตได้ดี ดังนั้น หุ้นปันผลที่ให้ผลตอบแทน 6% ต่อปี จะช่วยพยุงพอร์ตและสร้างรายได้ต่อเนื่อง เป็นทางเลือกที่มั่นคงและน่าสนใจในสภาพตลาดปัจจุบัน

ด้านหุ้นกลุ่มปันผลสูงที่โดดเด่น อย่าง กลุ่มธนาคารพาณิชย์ และพลังงาน จะช่วยสร้างสมดุลให้กับพอร์ตได้ดี หากเทียบผลตอบแทนรวมระหว่าง SET HD กับ SET ในช่วง 4- 5 ปีที่ผ่านมา จะเห็น SET HD ทำผลตอบแทนชนะ SET มาโดยตลอด แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งหุ้นกลุ่มนี้ชัดเจน โดยเฉพาะหุ้นปันผลที่สามารถสร้างรายได้ให้ผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง

สำหรับปีนี้หุ้นกลุ่ม SET HD ให้ผลตอบแทนจากปันผลราว 6.5% ขณะที่ SET อยู่ที่ 4% มองปี 2569 คาดว่า SET HD จะให้ปันผลราว6.59% ขณะที่ SET อยู่ที่ 4.20% ทั้งยังมีอัตราส่วน P/E ต่ำ ทำให้หุ้นกลุ่มปันผลน่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหาผลตอบแทนมั่นคง

“หุ้นปันผลสูงยังคงโฟกัสใน 6 แบงก์ใหญ่ และ 2 แบงก์เล็ก การที่มีรัฐบาลใหม่เข้ามา เป็นผลดีต่อกลุ่มแบงก์ในเชิงกระตุ้นเศรษฐกิจและการเดินหน้าการจัดการหนี้ครัวเรือนอย่างจริงจัง และการที่กลุ่มธนาคารมีการลดต้นทุน การปรับโครงสร้างภายใน ทำให้ ROE อยู่ในระดับสูง หนุนจ่ายปันผลเพิ่ม รวมถึงจ่ายปันผลส่วนเกินที่เพิ่มขึ้นด้วย ถือเป็นการคืนกำไรให้ผู้ถือหุ้น และธนาคารมีการซื้อหุ้นคืน ทำให้ในอนาคตยังมีโอกาสมีเงินจ่ายปันผลได้”