GCAP GOLD ชี้ทองคำยังบวก แนะทยอยขายทำกำไรที่ 57,000–57,300 บาท

GCAP GOLD ระบุว่าราคาทองคำมีแนวโน้มทรงตัวในแดนบวก โดยมีปัจจัยหนุนหลักจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย แนะนำกลยุทธ์ให้ผู้ที่ถือครองทองคำทยอยแบ่งขายทำกำไรบางส่วนที่ระดับราคา 3,800-3,820 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ หรือประมาณ 57,000-57,300 บาท
KEY
POINTS
- GCAP GOLD ระบุว่าราคาทองคำมีแนวโน้มทรงตัวในแดนบวก โดยมีปัจจัยหนุนหลักจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย
- นักวิเคราะห์แนะนำกลยุทธ์ให้ผู้ที่ถือครองทองคำทยอยแบ่งขายทำกำไรบางส่วนที่ระดับราคา 3,800-3,820 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ หรือประมาณ 57,000-57,300 บาท
- การแนะนำให้ขายทำกำไรเนื่องจากราคาเข้าใกล้แนวต้านทางจิตวิทยา ซึ่งอาจทำให้เกิดแรงเทขายและราคาอาจเข้าสู่การพักฐานในระยะสั้น
- สำหรับนักลงทุนที่ต้องการเข้าซื้อใหม่ แนะให้รอจังหวะที่ราคาปรับตัวลง โดยมีแนวรับที่น่าสนใจที่ 3,700–3,680 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ หรือประมาณ 55,900-55,700 บาท
- ปัจจัยที่ต้องจับตาซึ่งอาจสร้าง
บริษัท จีแคป จำกัด หรือ GCAP GOLD ชี้ ราคาทองคำ มีแนวโน้มทรงตัวในแดนบวก จากสัญญาณการลดดอกเบี้ยของเฟด พร้อมจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ-ถ้อยแถลง เฟด ส่งผลให้ ราคาทอง ผันผวน ด้านนักวิเคราะห์ แนะกลยุทธ์แบ่งขายทำกำไรที่ 3,800-3,820 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์
นางสาว อารีรัตน์ มุราชัย หัวหน้านักวิเคราะห์ บริษัท จีแคป จำกัด หรือ GCAP GOLD เปิดเผยว่า ทองคำ ยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางบวก ถึงแม้ว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยังคงอยู่ในระดับสูง ขณะที่การคาดการณ์ว่า เฟดมีโอกาสที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยประคองราคาไว้ และมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป หากไม่มีข่าวลบใหม่เข้ามากดดัน
สำหรับการประชุมเฟด ครั้งล่าสุดที่มีมติปรับลดดอกเบี้ย 0.25% และส่งสัญญาณอาจลดอีกสองครั้งในช่วงปลายปี ซึ่งเป็นแรงหนุนสำคัญให้ทองคำยังคงน่าสนใจ ถึงแม้ว่าประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ จะกล่าวอย่างระมัดระวังและไม่ตัดความเป็นไปได้ที่จะกลับไปขึ้นดอกเบี้ย แต่ตลาดยังคงเชื่อว่าทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ จะเข้าสู่ช่วงผ่อนคลาย และนักลงทุนยังให้น้ำหนักสูงว่าการประชุมปลายเดือนตุลาคมนี้ ที่จะมีการลดดอกเบี้ยอีก 0.25% โดยหากเกิดขึ้นจริงจะเป็นปัจจัยหนุนราคาในระยะต่อไป
อีกทั้งยังมีปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ การที่ตลาดจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะตัวเลข GDP และ ดัชนีเงินเฟ้อ Core PCE ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ เฟด ใช้ประเมินทิศทางดอกเบี้ย ซึ่งหากตัวเลขออกมาต่ำกว่าคาด จะเป็นอีกปัจจัยสนับสนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง แต่หากออกมาสูงเกินคาด ทำให้อาจจะเกิดการกระตุ้นแรงขายทำกำไรระยะสั้น นอกจากนี้ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ เฟด หลายราย ที่จะมีการเปิดเผยต่อสื่อตลอดสัปดาห์ ซึ่งอาจเพิ่มความผันผวนให้กับตลาดทองคำได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิเคราะห์ GCAP GOLD แนะนำกลยุทธ์สำหรับผู้ที่ถือครองทองคำอยู่ ควรทยอยแบ่งทำกำไรบางส่วนที่ 3,800-3,820 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ ราคาทองคำไทยประมาณ 57,000-57,300 บาท เนื่องจากราคาเริ่มเคลื่อนไหวเข้าแนวต้านจิตวิทยา $3,800 ทำให้มีโอกาสเจอแรงเทขายทำกำไรและอาจจะเริ่มเข้าสู่การพักฐานในระยะสั้นได้
ดังนั้น นักลงทุนที่ถือสถานะฝั่งซื้อแนะนำแบ่งขายทำกำไรออกไปบางส่วน ถือบางส่วนเพื่อ Run Profit ต่อ และรอจังหวะเข้าซื้อสะสมใหม่เพิ่มเติมเมื่อราคาปรับตัวลง โดยมีแนวรับน่าสนใจที่ 3,700–3,680 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ ราคาทองคำไทยประมาณ 55,900-55,700 บาท สำหรับท่านที่พอร์ตว่างรอเข้าใหม่ควรมีไม้เผื่อถัวเฉลี่ย 3–5 ไม้เพื่อป้องกันความเสี่ยง







