ธปท.เคลียร์ NEO ไม่ซ้ำเติม ‘บาทแข็ง‘ ยัน ‘ดอลลาร์-ทอง’ ปัจจัยกดดันหลัก

ธปท.ย้ำ NEO ไม่ใช่ปัจจัยซ้ำเติมเงินบาทแข็งค่า พร้อมชี้ระดับปัจจุบันยังไม่น่าห่วง ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยประเทศอื่น ธปท.เร่งพัฒนาเครื่องมือสถิติและประสานข้อมูลทุกหน่วยงาน ปิดช่องโหว่ธุรกรรมสีเทา
นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายองค์กรสัมพันธ์ และโฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ล่าสุด ธปท. มีการเปิดเผย ข้อมูลเกี่ยวกับ ความคลาดเคลื่อนเชิงสถิติ หรือ “Net Errors and Omissions” (NEO) ที่อยู่ในบัญชีดุลชำระเงิน (Balance of payment: BOP) ของปี 2567
โดยการปรับปรุงใหม่ ส่งผลให้ NEO ปรับลดลงกว่าครึ่งจากตัวเลขที่ประกาศในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยลดลงจาก 15.2 พันล้านดอลลาร์ เหลือเพียง 7.3 พันล้านดอลลาร์ หรือกว่า 2 แสนล้านบาทเท่านั้น คิดเป็น 1% ของมูลค่าการส่งออก
การปรับลดดังกล่าวมีที่มาจากการที่ ธปท. ได้รับข้อมูลจากหลายหน่วยงาน ซึ่งส่งผลต่อความสมบูรณ์ของบัญชีดุลชำระเงิน โดยจะมีการเพิ่มเติมในสามส่วนหลัก ๆ ได้แก่
1. มูลค่านำเข้ารวมที่ลดลงจากการที่กรมศุลกากรปรับราคาน้ำมันให้สอดคล้องกับข้อมูลจริงของผู้นำเข้า ได้เข้าไปเพิ่มในส่วนของบัญชีเดินสะพัด (Current Account) และทำให้ NEO ลดลง 2 พันล้านดอลลาร์
2. ข้อมูลการลงทุนโดยตรงของนักลงทุนต่างชาติที่เพิ่มขึ้น (FDI) จากรายงานงบการเงินที่ธุรกิจทยอยรายงานต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าส่งผลให้ NEO ลดลง 2.7 พันล้านดอลลาร์
3. ข้อมูลสินเชื่อการค้า (Trade Credit) ที่เพิ่มขึ้น จากการขยายเวลาชำระหนี้ของเจ้าหนี้ ทำให้ภาระการจ่ายคืนสินเชื่อในปี 2567 ลดน้อยลง ส่งผลให้ NEO ลดลง 4.2 พันล้านดอลลาร์
ชญาวดี กล่าวต่อว่า สำหรับข้อมูล NEO ที่ลดลงเหลือ 7.3 พันล้านดอลลาร์ ถามว่าสูงหรือไม่ พบว่ายังไม่ใช่ระดับที่น่าห่วง เนื่องจากหากเทียบ NEO กับมูลค่าการค้าระหว่างประเทศของไทยในช่วง 10ปีย้อนหลัง ล่าสุดอยู่เพียง 1% เท่านั้น ซึ่งยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกที่อยู่ราว 2.4%
“NEO มีอยู่ทุกที่ ความคลาดเคลื่อนเกิดขึ้นได้กับทุกชุดข้อมูลทางสถิติ อย่างผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ก็มีความคลาดเคลื่อนเช่นเดียวกัน แต่ ธปท. ก็กำลังพัฒนาเครื่องมือเพื่อให้มีความคลาดเคลื่อนน้อยที่สุด และสำหรับธุรกิจสีเทาเอง เราก็ยังจับตาดูอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกฎเกณฑ์ทางการเงินต่าง ๆ เพื่อที่ว่าหากกฎเกณฑ์นั้นมีช่องโหว่ เราก็จะสามารถเข้าไปปิดได้ทันที เมื่อการเงินเข้าสู่โลกติจิตอล อาชญากรรมก็ปรับตัวและพัฒนาอย่างรวดเร็ว เราเองก็ต้องพยายามประสานข้อมูลจากหลายหน่วยงานเพื่อให้เราเท่าทันมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ยืนยันว่า NEO ไม่ได้เป็นปัจจัยซ้ำเติมเงินบาทให้แข็งค่า เนื่องจากผลของ NEO รับรู้ไปแล้วตั้งแต่ปีก่อน ที่มีผลกับค่าเงินไปแล้ว
ส่วนปัจจัยที่ทำให้ เงินบาทแข็งค่านั้น หลักๆมาจากเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ผนวกกับความเชื่อมโยงของค่าเงินบาทกับราคาทองคำที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นที่เข้ามาซ้ำเติม
ทั้งนี้ ยอมรับว่า ใน NEO ก็ยังไม่สามารถชี้ชัดหรือระบุได้ว่า มีส่วนที่มาจาก ’เงินเทา‘ หรือไม่ เนื่องจากธปท.จะมีข้อมูลเฉพาะข้อมูลที่ผ่านระบบการเงิน ภายใต้กำกับเท่านั้น ไม่ได้มีข้อมูลอื่นๆที่อยู่นอกกำกับ ดังนั้นจำเป็นที่ธปท. จะต้องร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาข้อมูลที่ชัดเจนมากขึ้น ว่าเงินส่วนที่เข้ามา มาจากแหล่งใดบ้างอย่างละเอียด
“ถ้าชาวต่างชาติมาแลกเงินดอลลาร์เป็นบาทอันนั้นเราทราบ แต่เขาจะเอาเงินนั้นไปใช้ทำอะไรมันค่อนข้างจะติดตามยาก อย่างถ้าเขาเอาไปซื้อหมูปิ้งมันก็เก็บข้อมูลไม่ได้แล้ว ในทางกลับกัน ถ้ากรรมการท่านหนึ่งในบริษัทใหญ่มีธุรกิจสีเทา เงินที่เขาเอาไปลงทุน เช่น เอาไปซื้อหุ้น เงินนั้นก็จะถูกบันทึกในดุลการชำระเงิน ไม่ได้ถูกคิดเป็น NEO เพราะฉะนั้นจะต้องแยกกัน”







