‘วรภัค’ เปิดข้อเสนอ ‘สมาคมธนาคารไทย’ เตือนเศรษฐกิจไทย กำลังถูกล้อมรอบด้วยความเสี่ยง

‘วรภัค’ เปิดข้อเสนอ ‘สมาคมธนาคารไทย’ เตือนเศรษฐกิจไทย กำลังถูกล้อมรอบด้วยความเสี่ยง

รมช.คลัง เปิดข้อเสนอ ‘สมาคมธนาคารไทย’ มองเศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญความเสี่ยงรอบด้าน หากรัฐบาลไม่เร่งแก้ อาจพลาดโอกาสสร้างการเติบโตระลอกใหม่

นายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว “Vorapak Tanyawong” สมาคมธนาคารไทย เปิดบ้านต้อนรับ นายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล และคณะ ครม. เศรษฐกิจ

ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 58 ปีที่มีนายกรัฐมนตรีมาเยือนสมาคมธนาคารไทย ส่วนใหญ่วันนี้เป็นการมารับฟังข้อมูลปัญหา และคำแนะนำต่างๆ จากสมาคมธนาคารไทยซึ่งถือว่าเป็นเสาหลักทางเศรษฐกิจอีกแห่งหนึ่ง

ที่สามารถสะท้อนสภาพความเป็นจริงของเศรษฐกิจไทย เพราะธนาคารไทยสัมผัสกับลูกค้าแทบจะทุกกลุ่มได้เป็นอย่างดี  ท่านนายกฯ อนุทิน และท่านรองนายกฯ เอกนิติ  รู้จัก CEO ของธนาคารไทยแทบจะทุกท่าน บรรยากาศการพูดคุยเลยค่อนข้างผ่อนคลายเป็นกันเอง และเป็นการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างมีอรรถรส โดยมีสาระสำคัญจากสมาคมธนาคารไทยพอสังเขปดังนี้ครับ 

 

Perfect Storm: ภาพเศรษฐกิจที่สมาคมธนาคารฉาย

ในสายตาของสมาคมฯ ไทยกำลังเจอปัญหาหลายด้านพุ่งชนกันพอดี

 • โครงสร้างเดิมที่เปราะบาง

เศรษฐกิจนอกระบบยังใหญ่โตถึง 48% ของ GDP เกินกว่าหลายประเทศในเอเชีย ทำให้การจัดเก็บภาษีไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ความเหลื่อมล้ำสูง และค่าเงินบาทถูกโยกด้วยธุรกรรมทอง–คริปโทฯ หนี้ครัวเรือนก็สูงลิ่วกว่า 100% ต่อ GDP รวมทั้งใน และนอกระบบ

 • ความสามารถในการแข่งขันที่ลดลง

ไทยเสมือน “เครื่องยนต์ติดขัด” คาด GDP โตเฉลี่ยแค่ 2.1% ใน 5 ปีข้างหน้า ต่ำสุดในอาเซียน ขณะที่ FDI ไหลเข้าน้อย เงินทุนไทยกลับไหลออกไปลงทุนต่างประเทศแทน

 • ภาครัฐที่ท้าทายไม่แพ้กัน

กฎหมาย และกฎระเบียบมากกว่า แสนฉบับ กำลังกลายเป็นภาระ ธุรกิจต้องแบกต้นทุนแฝงสูง ข้อมูลหน่วยงานรัฐไม่เชื่อมกันจนถึงขั้น “หาสาเหตุค่าเงินบาทแข็งค่าไม่ได้” ขณะที่หนี้สาธารณะพุ่งขึ้นต่อเนื่อง

 • Reinvent Thailand: ข้อเสนอใหญ่จากสมาคมธนาคาร

สมาคมไม่ได้มาเพียงบ่น แต่ชูแพลตฟอร์ม “Reinvent Thailand” เป็นเวทีร่วมมือระหว่างรัฐ–เอกชน–การเงิน แนวคิดคือ “ไม่ใช่คุยแล้วจบ” แต่ต้องมี ข้อมูลนำทาง (Data-driven), เจ้าภาพชัดเจน, KPI วัดผล, และแรงจูงใจที่ถูกต้อง

สามแนวทางหลักที่สมาคมธนาคารไทยแนะนำ 

ภาคประชาชน

 • จัดตั้ง JV-AMC ระหว่างธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เพื่อซื้อหนี้เสียรายย่อยมาบริหารใหม่

 • กำหนดให้ผู้ให้กู้ทุกรายต้องรายงานข้อมูลเครดิตเข้า NCB แล้วสร้าง National Credit Score เพื่อให้ทุกคนถูกประเมินความเสี่ยงด้วยมาตรฐานเดียว

ภาคธุรกิจ

 • ผลักดันโครงการ “Greenly Made by Thais” (GMBT) เพื่อให้สินค้าส่งออกไทยมีแต้มต่อด้าน ESG และการใช้วัตถุดิบในประเทศ

 • มาตรการ “พี่ช่วยน้อง” ให้บริษัทใหญ่ช่วย SMEs ในห่วงโซ่อุปทาน

 • ใช้เครื่องมือใหม่ เช่น Digital Lending Platform และ PromptBiz เพื่อลดต้นทุนธุรกิจ

ภาครัฐ

 • ใช้งบจัดซื้อจัดจ้างปีละ 1.7 ล้านล้านบาท เป็นคันโยกหนุน SMEs และสินค้ากลุ่ม GMBT

 • ปรับโครงสร้างกฎระเบียบ ลดขั้นตอน และความซ้ำซ้อน

นโยบายเร่งด่วน 4+4

สมาคมฯ สรุปเป็น 4 ประเด็นหลัก + 4 มาตรการเสริม

 1. ดึงเศรษฐกิจนอกระบบเข้าสู่ระบบ

 2. แก้หนี้ครัวเรือนด้วย AMC และ National Credit Score

 3. เพิ่มรายได้ครัวเรือน ผ่านการอัปสกิล และค่าตอบแทน

 4. กระตุ้นการลงทุนในประเทศ ดึง FDI และหนุน local content

+4 เสริม: ใช้ PromptBiz, ปรับ บสย., เครื่องมือช่วย SMEs

ข้อเสนอของสมาคมธนาคารไทยครั้งนี้ไม่ใช่เพียงรายงานเชิงเทคนิค แต่คือ สัญญาณเตือน ว่าเศรษฐกิจไทยกำลังถูกล้อมด้วยความเสี่ยงรอบด้าน หากรัฐบาลกล้าลงมือจริงตามแนวทางเหล่านี้ ประเทศไทยยังมีโอกาสสร้างรอบใหม่ของการเติบโต และก้าวพ้นกับดักรายได้ปานกลางได้

ซึ่งข้อแนะนำบางอย่างท่านนายกฯ ก็มีแนวทางสั่งการให้ท่านรองนายกฯ เศรษฐกิจได้เตรียมนโยบายไว้อยู่แล้ว เช่น การแก้หนี้ภาคครัวเรือน การเสริมสภาพคล่องธุรกิจเอสเอ็มอี การกระตุ้นเศรษฐกิจแบบทำสั้นแต่ได้ยาว การอำนวยความสะดวก และดึงดูดการลงทุนระยะยาว ในอุตสาหกรรมเป้าหมายจากต่างประเทศ เป็นต้น 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์