เปิดแผน BOJ เทขาย ETF บิ๊กล็อต มั่นใจไม่กระทบตลาดหุ้น 'ขาขึ้น'

เปิดแผน BOJ เทขาย ETF  บิ๊กล็อต มั่นใจไม่กระทบตลาดหุ้น 'ขาขึ้น'

เปิดแผน BOJ เทขายกองทุน ETF บิ๊กล็อต มูลค่า 16 ล้านล้านบาท แบบ ‘ค่อยเป็นค่อยไป’ สยบความกังวลนักลงทุน เชื่อไม่ทำลายแนวโน้มขาขึ้น

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า “ธนาคารกลางญี่ปุ่น” หรือ BOJ เตรียมขายกองทุนรวมดัชนี (ETF) จำนวนมหาศาล มูลค่า 75 ล้านล้านเยน ราว 16.16 ล้านล้านบาท  โดย BOJ มีเป้าหมายจะลดการถือครองลงราว 6.2 แสนล้านเยนต่อปี ตามมูลค่าตลาด ซึ่งคาดว่าจะเริ่มต้นปี 2569 เพื่อลดแรงกดดันต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่กำลังถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด

เปิดแผน BOJ เทขาย ETF  บิ๊กล็อต มั่นใจไม่กระทบตลาดหุ้น 'ขาขึ้น' ความสัมพันธ์ระหว่าง การถือครองกองทุน ETF ของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และดัชนีตลาดหุ้น Topix ตั้งแต่ปี 2011 ถึง 2025

การประกาศของ BOJ ที่จะขาย ETF เมื่อวันที่ 19 ก.ย.68 ที่ผ่านมาทำให้ตลาดหุ้นร่วงลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากก่อนหน้านี้นักลงทุนมีความกังวลมาโดยตลอดว่า BOJ จะเริ่มขาย ETF เมื่อไหร่ แต่ตลาดหุ้นก็กลับมาฟื้นตัวได้ดี หลังจากแผนการขายสินทรัพย์นี้จะเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป 

Seiichi Suzuki หัวหน้านักวิเคราะห์หุ้นจาก Tokai Tokyo Intelligence Laboratory Co. กล่าวว่า กรอบเวลาที่ชัดเจนสำหรับแผนการขายนี้เป็นปัจจัยเชิงบวก และแสดงให้เห็นว่าผลกระทบต่อตลาดจะอยู่ในวงจำกัด 

จับตา BOJ เทขาย  ETF สะเทือนตลาดป่วน

นักวิเคราะห์ระบุว่าแม้การขาย ETF ของ BOJ อาจเริ่มต้นขึ้นในช่วงต้นปีหน้า แต่ตลาดก็ยังคงมีความผันผวนจากปัจจัยอื่น ๆ เช่น ความไม่แน่นอนในการเลือกตั้งผู้นำพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล และความเสี่ยงทางเศรษฐกิจจากภาษีศุลกากรอย่างต่อเนื่อง

โคเฮอิ โอนิชิ นักกลยุทธ์การลงทุนอาวุโสจาก Mitsubishi UFJ Morgan Stanley Securities Co. กล่าวว่า ชี้ให้เห็นว่า BOJ ถือหุ้นในบริษัทญี่ปุ่นทางอ้อมไว้เยอะมาก ถึง 7% ของทั้งตลาด ผ่านกองทุน ETF ทำให้ BOJ เปรียบเสมือน "เจ้ามือรายใหญ่ที่สุด" ในตลาด ถ้า BOJ เทขายหุ้นจำนวนมหาศาลออกมาในคราวเดียวโดยไม่ได้คำนวณให้ดีว่าตลาดจะรับไหวแค่ไหน หุ้นก็จะราคาตกอย่างรุนแรงจนอาจทำให้ตลาดปั่นป่วนได้

อย่างไรก็ตาม นายโอนิชิเชื่อว่าสถานการณ์เลวร้ายแบบนั้นจะไม่เกิดขึ้น เพราะปริมาณการขายที่ BOJ ประกาศไว้ในแต่ละปีนั้น "น้อยมาก" เมื่อเทียบกับมูลค่าการซื้อขายหุ้นทั้งหมดในตลาด นอกจากนี้ การที่บริษัทญี่ปุ่นซื้อหุ้นคืนในแต่ละปีจะช่วยดูดซับหุ้นส่วนที่ BOJ ขายออกมา ทำให้ตลาดไม่เกิดความผันผวน

หุ้นที่มีน้ำหนักมากในดัชนี Nikkei อย่าง Fast Retailing Co. ซึ่งเจ้าของแบรนด์ Uniqlo และ SoftBank Group Corp. อาจได้รับผลกระทบจากการขาย ETF ในครั้งนี้ โดยหุ้นของ Fast Retailing ร่วงลง 4.5% ในวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่ SoftBank ปรับตัวขึ้น 0.7%

ทั้งนี้ Anna Wu นักวิเคราะห์การลงทุนจาก VanEck Associates Corp. มองว่า “แม้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นจะเผชิญกับความตึงเครียดในระยะสั้น แต่แผนของ BOJ จะไม่สามารถทำลายแนวโน้มขาขึ้นของตลาดได้ เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานยังคงแข็งแกร่ง ทั้งการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของรัฐบาล และการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง”

2 ปัจจัยหนุน ‘ตลาดหุ้นญี่ปุ่น’

  • การกระจายพอร์ตการลงทุน

นักลงทุนทั่วโลกกำลังให้ความสนใจตลาดหุ้นญี่ปุ่นมากขึ้น เนื่องจากหุ้นญี่ปุ่นมี P/E (ราคาหุ้นเทียบกับกำไร) และ P/B Ratio (ราคาหุ้นเทียบกับมูลค่าทางบัญชี) ต่ำกว่าหุ้นในสหรัฐ ทำให้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการกระจายความเสี่ยง

  • การปฏิรูปธรรมาภิบาล

กฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้นช่วยส่งเสริมการซื้อหุ้นคืนของบริษัท  การควบรวมกิจการ และการเติบโตของนักลงทุนที่มีบทบาทมากขึ้น ซึ่งล้วนเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยเพิ่มผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้น

 

อ้างอิง Bloomberg

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์