ดัชนีดาวโจนส์ S&P 500 ปิดตลาดทำสถิติสูงสุดใหม่ หลังเฟดลดดอกเบี้ย

ดัชนีดาวโจนส์ และ S&P 500 ปิดตลาดทำสถิติสูงสุดใหม่ในวันศุกร์ พุ่งขึ้นอย่างมากในสัปดาห์นี้ หลังเฟดลดอัตราดอกเบี้ย
ซีเอ็นบซี รายงาน หุ้นสหรัฐ ปรับตัวสูงขึ้นในวันศุกร์ (19 ก.ย.68) โดย ดัชนีดาวโจนส์ ดัชนีหลักของสหรัฐฯ ปิดบวกในสัปดาห์นี้ หลังจากที่การตัดสินใจลดดอกเบี้ยของเฟดกระตุ้นความเชื่อมั่นของนักลงทุน
- ดัชนีอุตสาหกรรม ดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average) เพิ่มขึ้น 172.85 จุด หรือ 0.37% ปิดที่ 46,315.27 จุด ทำสถิติสูงสุดใหม่ในวันศุกร์
- ดัชนี S&P 500 ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 0.49% ที่ 6,664.36 จุด ทำสถิติสูงสุดใหม่เช่นกัน
- ดัชนี แนสแด็ก คอมโพสิต Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 0.72% ปิดที่ 22,631.48 จุด
- ดัชนี รัสเซลล์ 2000 ซึ่งเป็นหุ้นขนาดเล็กลดลง 0.7% ฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยในสัปดาห์นี้ หลังจากที่ดัชนีแตะระดับสูงสุดใหม่ในช่วงต้นตลาด
หุ้น Apple ขึ้นนำตลาด โดยราคาเพิ่มขึ้น 3.2% หลังจาก iPhone รุ่นล่าสุดของบริษัทวางจำหน่ายทั่วโลก ส่วนหุ้น Tesla ก็เพิ่มขึ้นมากกว่า 2.2% เช่นกัน
วอลล์สตรีท ปรับขึ้นและเป็นสัปดาห์ที่แข็งแกร่ง ดัชนี S&P 500 และดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 1.2% และ 1% ตามลำดับ ขณะที่ดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 2.2% ดัชนี Russell 2000 เพิ่มขึ้น 2.2% ถือเป็นการปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์ที่ 7
หุ้นได้รับแรงหนุนในสัปดาห์นี้ หลังจากที่เฟดได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ข้ามคืนมาตรฐานลง 0.25% ซึ่งเป็นการลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธันวาคม การเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นที่คาดการณ์กันอย่างกว้างขวางในตลาด แต่ตลาดหุ้นกลับมีความผันผวนจากการตัดสินใจดังกล่าว หลังจากที่ประธานเฟด เจอโรม พาวเวล ได้กล่าวในการแถลงข่าวว่าการตัดสินใจครั้งนี้เป็น "การปรับลดดอกเบี้ยเพื่อบริหารความเสี่ยง"
“แม้ว่าในอดีตหุ้นจะปรับตัวลงในเดือนกันยายน แต่ตลาดในปีนี้กลับสวนทางกับรูปแบบเดิม โดยปรับตัวสูงขึ้น 35% นับตั้งแต่เดือนมีนาคม พร้อมกับแรงหนุนทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง” มาร์ก แฮคเก็ตต์ หัวหน้านักกลยุทธ์การตลาดของ Nationwide กล่าว
“ถึงกระนั้น ดัชนี S&P 500 ซื้อขายที่ระดับ 22 เท่าของอัตรากำไรในอนาคต และความผันผวนที่ลดลง ช่วงเวลาแห่งการชะลอตัวหรือความผันผวนในช่วงเวลาสั้นๆจะถือเป็นพัฒนาการที่ปกติและดี” เขากล่าวเสริม







