ธปท. ย้ำ ยังไม่พบเงินไหลเข้าผิดปกติแม้บาทแข็งค่า ปัจจัยดอลลาร์-ดุลบัญชีหนุน ชี้ชัด “Net Error” ไม่ใช่แรงกดดันซ้ำเติม

ธปท. ย้ำยังไม่พบเงินไหลเข้าผิดปกติ แม้เงินบาทแข็งค่าเร็ว ย้ำ Net Error & Omission ไม่ได้เป็นปัจจัยกดดันค่าเงินเพิ่มเติม เพราะ Flow ทุกเม็ดได้สะท้อนกับค่าเงินไป
นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์ กล่าวว่า ปัจจุบัน “ธปท. ไม่ได้เห็น Flow ที่เข้ามาผิดปกติ หรือยังไม่เห็นสัญญาณเก็งกำไรเงินบาท
ทั้งนี้หากดูข้อมูล ณ วันที่ 17 กันยายน 2568 พบว่า มีเงินลงทุนไหลเข้าพันธบัตรไทยประมาณ 534 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินไหลออกจากหุ้นราว 100 ล้านดอลลาร์ หากมองทั้งปี (Year-to-Date) จะเห็นว่าเงินเข้าพันธบัตรสุทธิ 1.2 พันล้านดอลลาร์ แต่หุ้นยังคงเป็น สุทธิไหลออก ซึ่งเมื่อประเมินภาพรวมแล้ว ชญาวดี ย้ำว่า “ยังไม่เห็นความผิดปกติ” ของการเคลื่อนไหวเหล่านี้
สำหรับประเด็นการเก็งกำไร มองว่าการเคลื่อนไหวของ Flow มักเป็นไปตามธรรมชาติของนักลงทุนที่มองหาผลตอบแทน ถือเป็นหน้าที่ของนักลงทุน ขณะที่การปรับ Position ของธนาคารก็เป็นกลไกปกติของตลาด
สำหรับ Balance of Payment (BoP) คือ บัญชีที่บันทึกเงินตราต่างประเทศไหลเข้าออกสุทธิ และแจกแจงตามช่องทาง
เช่น การส่งออก การนำเข้า หรือ FDI ในประเด็น Net Error & Omission (NEO) ที่เคยถูกกังวลว่าเป็นตัวกดดันค่าเงินบาท นั้นต้องตัดความสัมพันธ์ของ NEO ออกจากค่าเงิน เพราะ Flow ที่เข้ามาก่อนจะเป็น NEO ได้กดดันค่าเงินไปแล้วทุกเม็ด
ดังนั้น NEO จึงเป็นเพียง ช่องว่างทางสถิติ ที่ ธปท. ยังหาไม่เจอว่าเงินอยู่ในหมวดใด ไม่ใช่เงินที่มากดดันค่าเงินเพิ่มอีก
กรณีที่มีการตั้งคำถามว่า NEO อาจสะท้อนการพอกเงินหรือไม่ ชญาวดีตอบว่า อาจเป็นส่วนที่ยังหาไม่เจอ แต่ย้ำว่ามันคือ เงินที่กดดันค่าเงินไปแล้วตั้งแต่แรก
ทั้งนี้ ธปท.จะ มีกำหนดแถลงข้อมูล Balance of Payment ในวันที่ 30 ซึ่งจะรวมถึงตัวเลข NEO ด้วย โดยตัวเลขล่าสุด NEO ลดลงค่อนข้างเยอะ เมื่อมีการปรับปรุงข้อมูล
"พฤติกรรมของ NEO มักจะลดลงทุกครั้งเมื่อมีการปรับครบหนึ่งปี เพราะข้อมูลที่ล่าช้าถูกบันทึกเพิ่มเติม ทำให้ตัวเลขกลับเข้าสู่ระดับปกติ"
สาเหตุของ NEO เกิดจากหลายประการ ได้แก่
1.ข้อมูลล่าช้า เช่น บริษัทต่างชาติส่งกำไรกลับช้า ธปท. ต้องประเมินล่วงหน้า
2.การสำรวจ (Survey) เช่น จำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามารักษาตัวในโรงพยาบาล ซึ่งอาจไม่สมบูรณ์ในช่วงโควิด
3.ธุรกรรมออนไลน์/ซับซ้อน เช่น การซื้อขายออนไลน์จากต่างประเทศหรือการนำเข้าสินค้าที่ระบุว่าเป็นของขวัญ
4.การเปลี่ยนสถานะผู้รับเงิน เช่น คนต่างชาตินำเงินเข้ามาให้คู่สมรสคนไทยซื้ออสังหาริมทรัพย์
ทั้งนี้โดยปกติ NEO ของไทยอยู่ในระดับ หลักร้อยล้านดอลลาร์ แต่ช่วงโควิด 2020-2021 ตัวเลขขยับขึ้นสู่ หลักพันล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับมูลค่าการค้าระหว่างประเทศ ชญาวดี ระบุว่า ไทยยังมีสัดส่วน ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาค เฉลี่ย 10 ปีย้อนหลัง (2014-2023) กลุ่มประเทศเอเชียรายได้ปานกลางมี NEO อยู่ที่ 1.4-1.5% ของมูลค่าการค้า ขณะที่ไทยยังต่ำกว่านั้น ซึ่งชญาวดีชี้ว่า “ประเทศอื่น ๆ ก็เจอปัญหาแบบเดียวกัน”
สำหรับการดูแลค่าเงินบาทนั้น ธปท. เข้าดูแลค่าเงินอย่างใกล้ชิด โดยหลักการคือ ดูแลความผันผวน (Volatility) ทั้งช่วงเงินบาทแข็ง และอ่อน เพื่อไม่ให้เคลื่อนไหวเร็วเกินไปจนธุรกิจปรับตัวยาก และไม่ให้เกิด Market Disfunction ซึ่งอาจสร้างความตื่นตระหนกต่อตลาด
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้บาทแข็งมากกว่าประเทศอื่น แม้ดอลลาร์สหรัฐ จะเป็นปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนค่าเงินถึง 80-90% แต่เงินบาทแข็งค่ามากกว่าประเทศอื่นๆ ด้วยปัจจัยเฉพาะ ได้แก่
1.บัญชีเกินดุลสูงกว่าคาด
2.ความชัดเจนทางการเมือง ที่ช่วยคลายความไม่แน่นอนภายในประเทศ
3.ทองคำ โดยความสัมพันธ์ของราคาทองคำกับค่าเงินบาทสูงถึง 0.7 ซึ่งสูงกว่าที่ผ่านมา และบางครั้งทองคำถูกใช้เป็น Proxy ทำให้ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวตาม แม้จะไม่มีการซื้อขายจริง
ชญาวดี เปิดเผยต่อว่า ธปท. ได้หารือกับผู้ค้าทองคำเพื่อหามาตรการลดผลกระทบต่อค่าเงินบาท โดยแนวทางที่อยู่ระหว่างพิจารณา เช่น
• การขายทองคำในสกุลดอลลาร์
• การติดตาม และรายงานข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
• การศึกษาเรื่องภาษีธุรกรรมทองคำออนไลน์
ซึ่งเรื่องทองคำต้องหารือกับทุกฝ่าย และจะออกมาในภาพรวม ไม่ใช่มาตรการเฉพาะด้านเดียว สำหรับกรณี เงินทุนสีเทา หรือการส่งออกทองคำไปกัมพูชา ชญาวดี กล่าวว่า ธปท. เห็นเฉพาะข้อมูลการส่งออก แต่ไม่สามารถชี้ได้ว่าเป็นธุรกรรมสีเทาหรือไม่ จึงได้ทำหนังสือถึง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อขอความร่วมมือตรวจสอบ โดย ปปง. จะเป็นผู้พิจารณา
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







