ชี้เฟดลดดอกเบี้ยแค่ 0.25% หนุนดอลลาร์แข็งค่า กดดันสกุลเงินเอเชีย

เฟดลดดอกเบี้ย 0.25% หนุน 'ดอลลาร์' พลิกแข็งค่า นักวิเคราะห์ชี้กดดันสกุลเงินเอเชีย โดยเฉพาะวอนเกาหลี และรูเปียห์อินโดนีเซีย
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานมุมมองของนักวิเคราะห์ว่า การตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ลดดอกเบี้ยลงเพียง 0.25% ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และสร้างแรงกดดันต่อสกุลเงินในเอเชีย
แม้จะมีการประกาศลดดอกเบี้ย แต่ค่าเงินดอลลาร์ก็ผันผวนอย่างหนัก โดยในช่วงแรกดอลลาร์ร่วงลงไปแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีครึ่งที่ 96.224 แต่หลังจากนั้นก็ดีดตัวกลับขึ้นมาอย่างรุนแรงถึง 0.44% แตะที่ 97.074 และขยับขึ้นเล็กน้อยในวันนี้ (18 ก.ย.) มาอยู่ที่ 97.095
ทั้งนี้ การคาดการณ์อัตราดอกเบี้ย ณ สิ้นปี หรือ "Dot Plot" ของเฟด ชี้ว่ามีโอกาสที่จะมีการลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีก 0.50% ในการประชุมที่เหลือของปีนี้ แต่จะมีการลดเพียงครั้งเดียวในปี 2569 ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์เคยคาดการณ์กันเอาไว้ว่าน่าจะมีการลด 2 - 3 ครั้งในปีหน้า
ดอลลาร์แข็งค่า กระทบสกุลเงินเอเชีย
Wells Fargo Securities คาดว่า การแข็งค่าของดอลลาร์จะส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะต่อสกุลเงินในเอเชีย
เบรนแดน แม็คเคนนา นักวิเคราะห์จาก Wells Fargo ระบุว่า สกุลเงินที่อ่อนไหวมากที่สุดคือ วอนเกาหลีและรูเปียห์อินโดนีเซีย เนื่องจากมักจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงเมื่อดอลลาร์แข็งค่า ขณะที่เปโซฟิลิปปินส์ อาจได้รับผลกระทบในระดับที่น้อยกว่า
ขณะเดียวกัน ทาเครุ ยามาโมโตะ จากธนาคาร Sumitomo Mitsui Trust Bank ให้ความเห็นว่า ในช่วงแรกตลาดมีการเทขายดอลลาร์ แต่หลังจากที่นักลงทุนรับรู้ถึงท่าทีที่ "ค่อนข้างเข้มงวด" ของเฟด ดอลลาร์จึงถูกซื้อกลับอย่างรวดเร็ว แม้ว่าดอลลาร์จะอาจแข็งค่าขึ้นไปถึงระดับ 147 เยนต่อดอลลาร์ได้ในระยะสั้น แต่ในระยะยาวแนวโน้มการลดดอกเบี้ยในอนาคตจะยังคงเป็นแรงกดดัน และทำให้การแข็งค่าของดอลลาร์มีข้อจำกัด





