จับตาผลประชุมเฟดคืนนี้ คาดลดดอกเบี้ย ดันทองสัปดาห์นี้พุ่ง

GCAP GOLD ชี้ ราคาทองคำมีแนวโน้มเชิงบวกต่อเนื่อง ลุ้นเฟด เริ่มวงจรการปรับลดดอกเบี้ย พร้อมจับตาผลการประชุมเฟดและคำแถลงของเจอโรม พาวเวลล์ จุดเปลี่ยนสำคัญในการกำหนดทองคำช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ ด้านนักวิเคราะห์ แนะ กลยุทธ์รอย่อตัวเข้าซื้อที่ 3,630/3,600 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์
KEY
POINTS
- นักลงทุนทั่วโลกจับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในคืนนี้ (17 ก.ย. 68) โดยคาดการณ์ว่ามีความเป็นไปได้สูงที่เฟดจะเริ่มวงจรการปรับลดดอกเบี้ย
- ปัจจัยสนับสนุนการลดดอกเบี้ยมาจากข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดที่ชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐฯ อ่อนแรงลง ทำให้ตลาดเชื่อว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้งภายในปีนี้
- คำแถลงของเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ หากส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงิน จะทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าและเป็นแรงหนุนโดยตรงต่อราคาทองคำ
- นอกจากนี้ ความเสี่ยงทางการเมืองและความไม่แน่นอนในตลาดโลกยังเป็นปัจจัยหนุนให้นักลงทุนหันมาถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น
- นักวิเคราะห์ประเมินว่าราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายทำ All Time High ใหม่ที่ 3,710–3,725 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์
อารีรัตน์ มุราชัย หัวหน้านักวิเคราะห์ บริษัท จีแคป จำกัด หรือ GCAP GOLD เปิดเผยว่า ราคาทองคำในสัปดาห์นี้ยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางเชิงบวก เนื่องจากนักลงทุนทั่วโลกจับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในคืนวันที่ 17 กันยายน 2568 โดยมีความเป็นไปได้สูง ว่าเฟดจะเริ่มวงจรการปรับลดดอกเบี้ย ประกอบกับข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดที่ชี้ให้เห็นว่าตลาดแรงงานอ่อนแรงลง และการจ้างงานชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตลาดเชื่อว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้งภายในปีนี้ หรืออาจมากถึง 3 ครั้ง หากแรงกดดันเศรษฐกิจยังรุนแรง
ขณะเดียวกัน ตลาดยังคงจับตาอย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับคำแถลงหลังการประชุมของเจอโรม พาวเวลล์ โดยหากส่งสัญญาณพร้อมผ่อนคลายอย่างจริงจัง ส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับลดลง ซึ่งเป็นแรงหนุนโดยตรงต่อราคาทองคำ อย่างไรก็ตามหาก พาวเวลล์ เลือกสื่อสารอย่างระมัดระวังและเดินเกมชะลอการลดดอกเบี้ย ก็อาจกระตุ้นให้เกิดแรงขายทำกำไรในระยะสั้น
อีกทั้งยังมีปัจจัยที่ไม่อาจมองข้าม ได้แก่ ความเสี่ยงทางการเมือง โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงเดินหน้ากดดันเฟดให้ลดดอกเบี้ย พร้อมทั้งเพิ่มแรงกดดันต่อเวทีโลก ทั้งการเรียกร้องให้ NATO ใช้มาตรการคว่ำบาตรครั้งใหญ่ต่อรัสเซีย และการเสนอให้เก็บภาษีสินค้าจีนสูงถึง 100% ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวยิ่งตอกย้ำบรรยากาศความไม่แน่นอนในตลาดโลก ทำให้นักลงทุนหันกลับมาถือครองทองคำ ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น
“จากปัจจัยข้างต้น จึงประเมินว่าราคาทองคำในสัปดาห์นี้ ยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์นโยบายการเงินสหรัฐฯ ควบคู่กับปัจจัยเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ นักลงทุนควรติดตามผลประชุมเฟดและคำแถลงของพาวเวลล์อย่างใกล้ชิด รวมถึงจับตาสถานการณ์สงครามยูเครน–รัสเซีย และความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ–จีน โดยจากปัจจัยดังกล่าวจึงมองว่า จะเป็นตัวกำหนดทิศทางราคาทองคำในช่วงโค้งสุดท้ายของปี”
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิเคราะห์ GCAP GOLD แนะนำกลยุทธ์การลงทุนทองคำ โดยรอย่อตัวเข้าซื้อที่ 3,630/3,600 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ โดยภาพรวมราคาทองคำยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง หลังจากราคาทะลุกรอบสามเหลี่ยมขึ้นมายังไม่มีการพักตัวครั้งใหญ่ที่ชัดเจน ในสัปดาห์นี้ราคามีโอกาสผันผวนสูง เนื่องจากมีข่าวสำคัญอย่างผลการประชุมดอกเบี้ยของเฟด ดังนั้นนักลงทุนที่ยังไม่มีสถานะและรอซื้อเล่นสั้น จะมีแนวรับสำหรับพิจารณาเข้าเก็บที่ 3,630/3,600 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ (ราคาทองคำไทยประมาณ 54,800/54,500 บาท) และหากครั้งนี้จะเป็นการย่อแล้วไปต่อ มองว่าการย่อไม่ควรหลุด 3,595 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ เนื่องจาก หากหลุดการพักตัวจะลึกลงไปอีกระดับ ส่วนเป้าหมายทำกำไรมีโอกาสที่ราคาจะขึ้นทำ All Time High ที่ 3,710-3,725 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ (ราคาทองคำไทยอาจอยู่ประมาณ 55,600 / 55,700 บาท) และหากทะลุโซนนี้ไปได้ จะเป็นการเปิดทางให้ราคาพุ่งขึ้นไปได้ถึงระดับ 3,750 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ ราคาทองคำไทยอาจอยู่ประมาณ 56,000 บาท







