‘กูรู’ ลุ้นราคา ‘ทอง’ ขาขึ้น แนะลดเสี่ยงผ่าน ‘กองทุนรวม’ ป้องกันค่าเงิน

‘กูรู’ ลุ้นราคา ‘ทอง’ ขาขึ้น แนะลดเสี่ยงผ่าน ‘กองทุนรวม’ ป้องกันค่าเงิน

กูรูคาดราคาทองคำมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น โดยมีปัจจัยหนุนจากการเข้าซื้อของธนาคารกลางทั่วโลก, ทิศทางดอกเบี้ยขาลง และค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า ซึ่งอาจดันราคาไปถึง 3,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับผู้ที่ลงทุนผ่านกองทุนรวมทองคำ กูรูแนะนำให้เลือกกองทุนที่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน

KEY

POINTS

  • ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าราคาทองคำมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น โดยมีปัจจัยหนุนจากการเข้าซื้อของธนาคารกลางทั่วโลก, ทิศทางดอกเบี้ยขาลง และค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า ซึ่งอาจดันราคาไปถึง 3,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์
  • สำหรับผู้ที่ลงทุนผ่านกองทุนรวมทองคำ กูรูแนะนำให้เลือกกองทุนที่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน (Currency Hedging)
  • การป้องกันความเสี่ยงค่าเงินจะช่วยลดผลกระทบจากกรณีที่เงินบาทแข็งค่าขึ้น ซึ่งอาจทำให้กำไรจากการลงทุนในทองคำลดลงเมื่อแปลงกลับเป็นเงินบาท
  • แม้แนวโน้มระยะยาวจะเป็นขาขึ้น แต่นักลงทุนควรระมัดระวังในการเก็งกำไรที่ระดับราคาสูงในปัจจุบัน และผู้ที่มีทองคำอยู่แล้วอาจพิจารณาถือต่อหรือทยอยทำกำไรบางส่วน

ทองคำ” ยังถูกจับตาเป็น “สินทรัพย์เด่น” ในการลงทุนระยะยาว รับแรงหนุนจากการซื้อของธนาคารกลางทั่วโลก และทิศทางดอกเบี้ยขาลง ดันราคาทะลุ 3,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และมีโอกาสแตะ 3,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากนักลงทุนต้องการเลือกลงทุนใน “กองทุนรวม” ควรพิจารณาการป้องกัน “ความเสี่ยงค่าเงิน” เพื่อรับมือกับความผันผวน

 

วิน พรหมแพทย์” CFA ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด ให้สัมภาษณ์กับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า กองทุนทองคำยังมีผลตอบแทนที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างน่าสนใจ โดยมีสาเหตุหลักมาจากธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นแรงซื้อขนาดใหญ่ในตลาด

ขณะที่ เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ซึ่งปกติแล้วราคาทองคำมักจะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้ามกับเงินดอลลาร์ และความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกที่อาจชะลอตัวลง ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่หนุนราคาทองคำ

อย่างไรก็ตาม แม้ราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างดี แต่ทว่านักลงทุนไม่ควรเข้าไปเก็งกำไรในระดับราคาปัจจุบันมากนัก เนื่องจากราคาได้ปรับตัวขึ้นมาสูงมากแล้ว และไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะขึ้นไปได้ถึงระดับใด จึงควรใช้ความระมัดระวังเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ สำหรับนักลงทุนที่มีทองคำอยู่แล้วอาจพิจารณาถือต่อ หรือทยอยทำกำไรบางส่วนก็ได้

ทั้งนี้ ในส่วนของกองทุนทองคำ มีประเด็นสำคัญที่นักลงทุนควรพิจารณาคือ หากกองทุนทองคำที่ไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงค่าเงินอาจประสบปัญหาแม้ราคาทองคำจะปรับขึ้น แต่เมื่อเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น เช่น ช่วงนี้ที่เงินบาทแข็งค่าไปที่ 31 กว่าบาท การทำกำไรจากราคาทองคำก็จะถูกลดทอนลงบางส่วนจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น เมื่อแปลงกลับมาเป็นเงินบาท และหากนักลงทุนต้องการลงทุนในทองคำ และไม่ต้องการกังวลเรื่องความผันผวนของค่าเงินบาท แนะนำให้เลือกกองทุนที่ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน

ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์” ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า แรงหนุนสำคัญของราคาทองคำมาจากคาดว่าในสัปดาห์หน้าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยขณะนี้มีสองกระแสความคิดเห็น คือ การลด 0.25% และการลด 0.5% ซึ่งกระแสที่คาดว่าจะลดถึง 0.5% ถือว่าดีกว่าคาด และส่งผลให้ราคาทองคำทะลุทะลวงปรับตัวสูงขึ้นมาได้อย่างต่อเนื่อง และค่อนข้างดี

โดยราคาทองคำยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อีกหลังจากที่ทะลุ 3,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และปรับขึ้นอย่างรุนแรง ทำให้ภาพรวมเริ่มเปลี่ยนไป โดยมีโอกาสขึ้นต่อไปได้อีก โดยมองเป้าหมายระยะใกล้ที่ระดับ 3,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำไทยยังคงได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่ค่อนข้างแข็ง โดยมองว่าระดับ ไว้ที่ 55,000-56,000 บาท ถือเป็นแนวต้านที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง สำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุนรวม ควรต้องทำการบ้านเพิ่มเติมเพื่อศึกษาว่ากองทุนใดที่ลงทุนในทองแท่งโดยตรง หรือลงทุนในสัญญาที่เลือกมีการป้องกันความเสี่ยง

ธนรัชต์ พสวงศ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฮั่วเซ่งเฮง กล่าวว่า ตลาดทองคำโลกกำลังเข้าสู่ยุคเฟื่องฟู โดยราคาทองคำทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่อง จากข้อมูลฮั่วเซ่งเฮง ชี้ว่า ราคาปัจจุบันยังคงอยู่ในระดับสูง และมีแนวโน้มเป็นขาขึ้นต่อไป

ทั้งนี้ แนวโน้มราคาทองคำ และปัจจัยขับเคลื่อนราคาทองคำที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องได้รับแรงหนุนจากปัจจัยหลักทางเศรษฐกิจสหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์ แม้เศรษฐกิจสหรัฐจะไม่สูงมาก แต่ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงในช่วงที่ผ่านมา และแนวโน้มนโยบายการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่อาจส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงอีก เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาทองคำสูงขึ้น การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ยังมาจากหนี้จำนวนมากของสหรัฐ และสงครามการค้าที่ทำให้หลายประเทศหันมาทำการค้าโดยไม่ใช้สกุลเงินดอลลาร์

รวมถึงความผันผวนทางการเมือง ความไม่มั่นคงทางการเมืองในสหรัฐ ก็มีส่วนทำให้เกิดความผันผวน และส่งผลให้ราคาทองคำอยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ ธนาคารกลางทั่วโลกเพิ่มการเข้าซื้อทองคำเพื่อป้องกันความผันผวนทางเศรษฐกิจการเงินในประเทศ ในขณะที่นักลงทุนเองก็ให้ความสนใจในการลงทุนทองคำมากขึ้นถือสินทรัพย์ที่คงคุณค่าได้ดี และทองคำคือสินทรัพย์ยอดนิยมในปีนี้

อย่างไรก็ดี คาดว่า ณ สิ้นปีนี้ ราคาทองคำน่าจะแตะระดับ 54,000 - 55,000 บาท ต่อบาท ซึ่งอาจจะยังไม่ถึง 60,000 บาท หากค่าเงินบาทแข็งค่า โดยราคาทองคำโลกจะอยู่ในกรอบ 3,550 - 3,600 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ในระยะยาวยังคงมองว่าภาพรวมเป็นขาขึ้น โดยนักลงทุนที่มีกำไรเพียงพอสามารถทยอยขายออกได้ แต่ทิศทางระยะยาวยังเป็นขาขึ้น จึงเห็นพฤติกรรมของนักลงทุนที่ชะลอการขาย และรอซื้อในช่วงที่ราคาย่อตัวลง

‘กูรู’ ลุ้นราคา ‘ทอง’ ขาขึ้น แนะลดเสี่ยงผ่าน ‘กองทุนรวม’ ป้องกันค่าเงิน

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์