ผู้ค้าทอง โต้ กกร. ปมส่งออกทองไปกัมพูชา ยันถูกกฎหมาย ไม่กระทบเงินบาท

”เอ็มทีเอส โกลด์“ ชี้แจง 4 ประเด็นหลักโต้ กกร. ยันผู้ค้าส่งออกทองไปกัมพูชา ถูกกฎหมาย ไม่ใช่เงินเทา ไม่กระทบค่าเงิน 15 ก.ย.68 นี้ เคลียร์ใจ ธปท. หลังกลายเป็นแพะ ทำบาทแข็ง
KEY
POINTS
- ผู้ค้าทองคำยืนยันว่าการส่งออกทองไปกัมพูชาเป็นการค้าที่ถูกต้องตามกฎหมาย ผ่านพิธีการศุลกากร และไม่ใช่ธุรกิจสีเทา
- ธุรกรรมการค้าทองคำกับกัมพูชาใช้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ จึงไม่ส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาท และไม่ได้เป็นสาเหตุให้เงินบาทแข็งค่า
- ผู้ค้าชี้แจงว่าการส่งออกที่เพิ่มขึ้นสะท้อนถึงการเติบโตของไทยในการเป็นศูนย์กลางการค้าทองคำในภูมิภาคอาเซียน
จากกรณีที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ระบุว่า การส่งออกทองคำไปกัมพูชาอาจเป็นสาเหตุให้เงินบาทแข็งค่าอย่างผิดปกติ ล่าสุด นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัด (MTS Gold) หนึ่งในผู้ค้าทองรายใหญ่ของไทย มีการส่งออกไปกัมพูชา จากทั้งหมดราว 3-4 ราย ได้ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงผ่าน กรุงเทพธุรกิจ โดยเน้นย้ำว่า การค้าทองคำระหว่างประเทศเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และไม่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมสีเทาแต่อย่างใด และไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเงินบาท โดยเฉพาะเงินบาทแข็งค่าขึ้นช่วงนี้
4 ประเด็นชี้แจงจาก MTS Gold
• การค้าถูกต้องตามระบบศุลกากร : การส่งออกทองคำไปกัมพูชาเป็นการค้าระหว่างประเทศที่ผ่านระบบศุลกากรของทั้งสองประเทศอย่างถูกต้อง ไม่ใช่ “เงินเทา” ตามที่ถูกกล่าวหา
• ผู้ค้ากัมพูชาได้รับใบอนุญาตถูกต้อง : สมาคมค้าทองคำตรวจสอบแล้ว พบว่าเป็นการค้ากับผู้ได้รับใบอนุญาตเฉพาะการค้าทองคำระหว่างประเทศ ในกัมพูชามีเพียง 3 - 4 รายเท่านั้น ซึ่งผู้ค้าได้ค้ากับผู้ที่ได้รับใบอนุญาตอย่างถูกต้อง ไม่ใช่ "ธุรกิจเทา" ตามที่ถูกกล่าวหา
• ใช้สกุลเงินดอลลาร์ ไม่กระทบเงินบาท : การค้าทองคำระหว่างไทย - กัมพูชา ใช้สกุลเงินดอลลาร์ทั้งไป และกลับ จึงไม่ส่งผลต่อค่าเงินบาท ไม่ได้ทำให้ "เงินบาทแข็งค่า" ตามที่ถูกกล่าวหา
• ไทยเป็น Gold Hub ของอาเซียน : ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ไทยส่งออกทองคำมากขึ้น โดยเฉพาะไปยังสวิตเซอร์แลนด์ และประเทศเพื่อนบ้าน ถือเป็นการเติบโตอย่างก้าวหน้าของอุตสาหกรรมทองคำไทย จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่ "ไทยจะส่งออกทองคำไปกัมพูชา" เพิ่มขึ้น
นพ.กฤชรัตน์ ยังระบุว่า การที่ กกร.ตั้งข้อสงสัยประเป็นนี้ โดยไม่สอบถามข้อเท็จจริงก่อน อาจสร้างความเข้าใจผิด และส่งผลลบต่อผู้ค้าทองคำไทยที่พยายามผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าทองคำในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งทาง กกร.ผลักดันในเรื่องนี้อยู่แล้ว
นอกจากนี้ ที่ผ่านมาเราได้ชี้แจงมาตลอดว่า ราคาทองคำที่ปรับตัวขึ้น ไม่เป็นสาเหตุที่ทำให้เงินบาทแข็งค่า เพราะว่า ราคาทองคำที่ปรับตัวขึ้น มาจากดอลลาร์อ่อนค่า เมื่อดอลลาร์อ่อนค่าเทียบกับเงินบาท ก็ต้องแข็งค่าขึ้น เป็นเรื่องปกติ
และในแง่การค้าของไทย ถือว่า ดีกว่า เมื่อเทียบกับการค้าของกัมพูชา ลาว เวียดนาม มาเลเซีย ดังนั้นมองว่า การที่เงินบาทจะแข็งค่ามากหรือน้อย ขึ้นกับหน่วยงานที่รับผิดชอบในการบริหารค่าเงิน ไม่ใช่มากล่าวโทษภาคเอกชน กีดกันการค้าเพราะทำให้เงินบาทแข็งค่า มองว่า เป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุผล
“ช่วงนี้บาทแข็งค่า เหมือนทุกคนพยายามหาแพะ โยนประเด็น หรือ ในประเด็นควรจะเลิกค้าขายทองคำกับกัมพูชาหรือไม่ เรามองว่า ความขัดแย้งทางการเมืองบริเวณชายแดน ไม่ควรนำมาสู่ความขัดแย้งในเชิงการค้า”
นพ.กฤชรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันผู้ค้าทอง ของไทยที่มีการส่งออกไปต่างประเทศ มีประมาณ 3 - 4 ราย และยอมรับว่า เราเป็นส่วนหนึ่งในการส่งออกทองคำไปกัมพูชา
การค้าขายที่สำคัญที่สุด คือ ค้าขายถูกกฎหมายหรือไม่ การนำเข้าส่งออกตามกระบวนการศุลกากรหรือไม่ และธุรกรรมต่างๆ ผ่านระบบธนาคารที่ตรวจสอบ ได้ ซึ่ง เราทำอย่างถูกต้อง ดังนั้น กกร.ไม่น่าจะจับประเด็นเช่นนี้ มองว่า เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และทำให้เกิดความเข้าใจผิด
“อย่าง กัมพูชา เป็นประเทศเล็ก ก็มีประเด็นว่า เป็นประเทศเล็ก จะเอาเงินที่ไหนมาซื้อทองจำนวนมากๆ เป็นเรื่องฟอกเงินหรือไม่ ในเรื่องนี้ก็ไม่ควรถูกนำมาเป็นประเด็นที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด การที่กัมพูชา ซื้อทองนำไปขายต่อได้จำนวนมาก เป็นความเก่งของเขา และด้วยศักยภาพของพื้นที่กัมพูชาที่ติดกับเวียดนาม และจีนเป็นตลาดใหญ่”
สมาคมค้าทองเชื่อตรวจสอบได้
นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า เท่าที่ตรวจสอบข้อมูล พบมูลค่าส่งออกทองคำไปกัมพูชา ราว 60,000 ล้านบาท เป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าปีก่อน และคิดเป็นสัดส่วนไปถึง10% ของมูลค่าส่งออกทองคำไปต่างประเทศปีละหลายแสนล้านบาท โดยประเทศที่ไทยส่งออกทองคำมากที่สุด คือ สิงคโปร์ และฮ่องกง
ขณะเดียวกันผู้ค้าซื้อขายทองในลักษณะตัวกลางในการซื้อขายทองคำตามปกติ ซึ่งทองคำในไทยขาดแคลน ต้องไปนำเข้ามาจากสิงคโปร์หรือฮ่องกง มาผ่านไทย ซึ่งไม่มีภาษีจากนั้นถึงส่งออกไปกัมพูชา ตามปกติแล้ว การส่งออกทองคำ ต้องทำธุรกรรมต่างๆ ผ่านระบบธนาคาร และการส่งออกต้องสำแดงของกับกรมศุลกากร เชื่อว่า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.)สามารถตรวจสอบเส้นทางที่ส่งออกทองคำจากไทยไปประเทศต่างๆ ได้อยู่แล้ว ตรงนี้คงต้องรอมา ปปง.เข้ามาตรวจข้อเท็จจริงต่อไป
อีกทั้งการส่งออกทองคำผ่านระบบตัวกลาง เป็นการซื้อมาขายไม่ในทันที และในปริมาณการส่งออกที่ไม่ได้มาก ยืนยันว่า ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาท และราคาทองคำ
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์






