สภาทองคำโลกชี้! 'ตลาดทองคำไทย' แกร่งสุดอาเซียน ติดอันดับ 7 ของโลก

สภาทองคำโลกชี้! 'ตลาดทองคำไทย' แกร่งสุดอาเซียน ติดอันดับ 7 ของโลก ดัน 'อาเซียน' เป็นตลาดทองคำโลกอันดับ 3 รองจีน อินเดีย พร้อมชี้ 3 ปัจจัยดันราคาโลก
เซาไก ฟาน (Shaokai Fan) หัวหน้าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมประเทศจีน) และหัวหน้าฝ่ายธนาคารกลางระดับโลกเผยว่า ประเทศไทยได้ก้าวขึ้นมาเป็น “ตลาดทองคำที่แข็งแกร่ง” ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน โดยติดอันดับที่ 7 ของโลกในปี 2567 ในด้านความต้องการทองคำแท่ง และเหรียญทองคำที่ 40 ตัน คิดเป็นการเติบโตที่แข็งแกร่งถึง 17% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และความต้องการทองคำโดยรวมของผู้บริโภคในประเทศไทย มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จาก 37 ตันในปี 2564 เป็น 38 ตันในปี 2565 เพิ่มขึ้นเป็น 43 ตันในปี 2566 และ 49 ตันในปี 2567
ล่าสุดในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ความต้องการทองคำของผู้บริโภคโดยรวมยังคงแข็งแกร่ง โดยเพิ่มขึ้น 25% จากปีก่อนมาอยู่ที่ 12 ตัน ขณะที่การลงทุนในทองคำแท่งและเหรียญของนักลงทุนไทยเพิ่มขึ้นอย่างน่าประทับใจถึง 38% อยู่ที่ 10 ตัน นอกจากนี้ ไทยยังเป็นผู้นำในกลุ่มประเทศอาเซียนด้วยอัตราการเติบโตของความต้องการทองคำแท่ง และเหรียญที่เพิ่มขึ้น 35% จากไตรมาสที่ 1 ปี 68 ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านส่วนใหญ่มีแนวโน้มลดลง
จากการศึกษาพบว่าคนไทยมองทองคำเป็นสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทนในระยะยาว และเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน โดยการเติบโตอย่างต่อเนื่องของแพลตฟอร์มการออมทองคำแท่งในรูปแบบดิจิทัล อาทิ แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ได้มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นความต้องการซื้อทองคำในตลาดให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
แนวโน้มราคาทองคำ
สภาทองคำโลกคาดการณ์ว่า “ทองคำ” จะยังเป็นสินทรัพย์ป้องกันความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ โดย “3 ปัจจัย” ที่สนับสนุนราคาทองคำให้มีแนวโน้มเติบโตต่อในอนาคต คือ
1.ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เช่น การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ซึ่งโดยปกติแล้วจะส่งผลบวกต่อราคาทองคำ และนโยบายภาษีทรัมป์ที่ยังไม่มีความชัดเจน
2.ความเชื่อมั่นในสินทรัพย์ดั้งเดิมลดลง เมื่อผู้คนเริ่มตั้งคำถามกับความน่าเชื่อถือของสินทรัพย์ปลอดภัยแบบดั้งเดิม เช่น ตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยมาตลอด แต่ตอนนี้ความน่าเชื่อถือเริ่มถูกท้าทาย
3.ทองคำยังคงเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย” เมื่อสินทรัพย์อื่นๆ เริ่มสั่นคลอน ทองคำจึงกลายเป็นทางเลือกที่น่าเชื่อถือ และคาดว่าจะมีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แม้ว่าธนาคารกลางทั่วโลกจะซื้อทองคำในปริมาณสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา แต่ก็มีสัญญาณของการชะลอตัวลงเล็กน้อยในไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 ซึ่งอาจสร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำได้บ้างในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจธนาคารกลางประจำปีของสภาทองคำโลก ชี้ให้เห็นว่า 95% ของผู้จัดการทุนสำรองเชื่อว่าทุนสำรองทองคำของธนาคารกลางจะเพิ่มขึ้นในอีก 12 เดือนข้างหน้า โดยธนาคารกลางทั่วโลกยังคงซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องแม้ในอัตราที่ช้าลง โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 2 ปี 2568 มีการเพิ่มขึ้น 166 ตัน ซึ่งเป็นระดับที่สูงอย่างมีนัยสำคัญท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังไม่คลี่คลาย
สำหรับประเทศไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไม่ได้ซื้อทองคำเพิ่มในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา แต่สภาทองคำโลกมองว่าธนาคารกลางของประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่หลายแห่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังพิจารณาเพิ่มทองคำเข้าคลังสำรอง ซึ่งเป็นแนวโน้มที่คาดว่าจะดำเนินต่อไป
"แม้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นอย่างรุนแรง ซึ่งคล้ายคลึงกับช่วงที่ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นในปี 2523 แต่ปัจจัยพื้นฐานที่สนับสนุนราคาทองคำในครั้งนี้มีความแข็งแกร่ง และน่าจะอยู่ต่อไปในอนาคต ทำให้สถานการณ์ในปัจจุบันอาจไม่เหมือนกับในอดีตเสียทีเดียว"
อาเซียนผนึกกำลังสร้าง ‘ตลาดทองคำโลก’
เซาไกชี้ว่า อาเซียนสามารถก้าวขึ้นเป็นตลาดทองคำอันดับ 3 รองจากตลาดที่ใหญ่ที่สุดอย่างจีน และอินเดียได้ เนื่องจากแนวโน้มตลาดทองคำในไทย และอาเซียนแข็งแกร่งมาก โดยมีพัฒนาการเชิงบวกในประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม อินโดนีเซีย และลาว ดังนั้นหากอุตสาหกรรมทองคำไทยจะร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อขยายตลาด จะนำไปสู่การพึ่งพาตนเองภายในอาเซียนมากขึ้น
“ประเทศผู้ผลิตทองคำหลักอย่างอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ สามารถนำทองคำที่ขุดได้มากลั่นในไทยหรือสิงคโปร์ แล้วนำไปขายในภูมิภาคได้ทันที จะช่วยลดการพึ่งพาโรงกลั่นของสวิตเซอร์แลนด์ที่ในปัจจุบันทองคำจำนวนมากที่ขายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถูกขุดจากทั่วโลกไปกลั่นที่สวิตเซอร์แลนด์ก่อนจะส่งกลับมาขาย”
‘Gold247’ ยกระดับมาตรฐานตลาดทองคำสู่ยุคดิจิทัล
นอกจากนี้ สภาพทองคำโลกมองเห็นเทรนด์การเติบโตของการซื้อขาย “ทองคำดิจิทัล” หรือการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์เพิ่มสูงขึ้นที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้าถึงการลงทุนทองคำโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ จึงได้เปิดตัวโครงการ “Gold247” เพื่อเพิ่มความโปร่งใส และปรับปรุงการเข้าถึงตลาดทองคำ โดยมี 3 ส่วนสำคัญ คือ
- Gold Bar Integrity (GBI) ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อสร้าง “หนังสือเดินทางดิจิทัล” สำหรับทองคำแต่ละชิ้น บันทึกเส้นทางตั้งแต่เหมืองจนถึงห้องนิรภัย เพื่อให้สามารถตรวจสอบความถูกต้อง และแหล่งที่มาอย่างมีจริยธรรมได้
- Standard Gold Unit มีเป้าหมายเพื่อกำหนด “หน่วยทองคำมาตรฐานสากล” เช่น ทองคำบริสุทธิ์ 1 กรัม เพื่อแก้ปัญหามาตรฐานที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ และช่วยให้ทองคำสามารถเปลี่ยนมือได้ง่ายขึ้นในตลาดต่างๆ
- Wholesale Digital Gold เป็นระบบนิเวศสำหรับผู้เข้าร่วมตลาดการเงินค้าส่งเพื่อซื้อขาย และใช้ทองคำในรูปแบบดิจิทัลเป็นหลักประกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งได้ประกาศเปิดตัว “การลงทุนในทองคำแบบกลุ่ม” เปิดโอกาสให้ธนาคาร และนักลงทุนสถาบันรายใหญ่สามารถถือครองกรรมสิทธิ์แบบสัดส่วน
สภาทองคำโลกมองเห็นโอกาสที่สำคัญในอนาคตสำหรับตลาดทองคำไทย และเชื่อว่าโครงการริเริ่มต่างๆ เช่น Gold247 กำลังวางรากฐานสำหรับอนาคตที่ทองคำอาจเป็นองค์ประกอบสำคัญของเศรษฐกิจดิจิทัลไทย และสนับสนุนความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางทางการเงินดิจิทัลของภูมิภาค
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์





