S&P 500 ทำสถิติใหม่เป็นวันที่สอง ได้แรงหนุนจากเงินเฟ้อ PPI ติดลบ

ดัชนี S&P 500 ปิดตลาดทำสถิติใหม่เป็นวันที่สองในวันพุธ จากข้อมูลเงินเฟ้อ ดัชนีราคาผู้ผลิต PPI ติดลบอย่างไม่คาดคิด ราคาหุ้น Oracle พุ่งขึ้นตอกย้ำกระแสเอไอยังแรง
ซีเอ็นบีซี รายงาน ดัชนี S&P 500 ทำสถิติสูงสุดใหม่ในวันพุธ (10 ก.ย. 68) หลังจากตัวเลขดัชนีราคาขายส่งลดลงอย่างไม่คาดคิด นับเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับนักลงทุนที่เรียกร้องให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ลดอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ดัชนีตลาดหุ้นโดยรวมปิดตลาดเพิ่มขึ้น 0.3% ที่ 6,532.04 ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของดัชนี โดยเพิ่มขึ้นประมาณ 0.7% ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 6,555.97 และทำสถิติสูงสุดใหม่ระหว่างวัน ดัชนีแนสแด็ก Nasdaq Composite
เพิ่มขึ้น 0.03% ปิดที่ 21,886.06 ซึ่งเป็นระดับปิดตลาดเช่นกัน หลังจากทำสถิติสูงสุดระหว่างวันก่อนที่จะย่อตัวลงในช่วงบ่าย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average ลดลง 220.42 จุด หรือ 0.48% ปิดที่ 45,490.92 จุด ได้รับผลกระทบจากการลดลงของหุ้น Apple
เนื่องจากการประกาศเปิดตัว iPhone ครั้งล่าสุดไม่สร้างความประทับใจให้กับนักลงทุน
เมื่อสิ้นสุดการซื้อขาย ส่วนใหญ่ของการปรับขึ้นก่อนหน้านี้หายไป โดยมีหุ้น Oracle และหุ้นที่เชื่อมโยงกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ปรับขึ้นมากสุด ในขณะที่ดัชนี S&P 500 มีจำนวนหุ้นที่ลดลงมากกว่าหุ้นที่เพิ่มขึ้น
ในช่วงแรก ความเชื่อมั่นปรับตัวสูงขึ้นหลังจากดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ล่าสุดแสดงให้เห็นว่าราคาขายส่งลดลง 0.1% ในเดือนสิงหาคม นักเศรษฐศาสตร์ที่สำรวจโดยบริษัทดาวโจนส์ คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% ดัชนีราคาผู้ผลิตพื้นฐาน (Core PPI) ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน ลดลง 0.1% เช่นกัน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับตัวขึ้น 0.3%
แรงกดดันด้านราคาลดลง
รายงานฉบับนี้ถือเป็นสัญญาณบวกก่อนการประกาศดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่จะเผยแพร่ในวันพฤหัสบดี ซึ่งเป็นที่น่าจับตามองมากขึ้นว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังลดลง
นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่ารายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) จะขยายตัว 0.3% ต่อเดือน ตามการสำรวจของดาวโจนส์ ซึ่งรวมถึงดัชนีเงินเฟ้อทั่วไปและดัชนีพื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่ผันผวน หากตัวเลขดังกล่าวเป็นจริง อัตราเงินเฟ้อ ทั่วไปรายปีจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.9% แม้ว่าตัวเลขพื้นฐานคาดว่าจะคงที่ที่ 3.1%
หากตัวเลขออกมาใกล้เคียงกับประมาณการเหล่านี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีโอกาสที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมเดือนกันยายน ตามข้อมูลของแซม สโตวอลล์ จากบริจัย CFRA Research
ณ ปัจจุบัน นักลงทุนมีความมั่นใจว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.25% ตามเครื่องมือติดตามเฟด Fedwatch ของ CME ซึ่งอ้างอิงจากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าดอกเบี้ยเฟด
พวกเขายังเพิ่มการคาดการณ์หลังจากข้อมูลดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ว่าธนาคารกลางอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงถึง 0.5%
“ด้วยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่ลดลงอย่างน่าประหลาดใจ และข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก บ่งชี้ว่าอาจมีเหตุผลที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 50 เบซิสพอยท์” สโตวอลล์กล่าวกับซีเอ็นบีซี “สิ่งที่พวกเขาต้องการทำคือให้แน่ใจว่าจะไม่ช้าเกินไป ดังที่ประธานาธิบดีวิพากษ์พาวเวลประธานเฟด และอย่างน้อยที่สุดพวกเขาก็จะพยายามตามให้ทันหรือก้าวไปข้างหน้าจากแนวโน้มการอ่อนตัวทางเศรษฐกิจโดยรวม”
"ผมคิดว่าสิ่งนี้อาจจะจุดประกายให้ตลาดร้อนแรงขึ้นระหว่างนี้จนถึงสิ้นปี" หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนกล่าวเสริม
หุ้น Oracle ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม โดยราคาเพิ่มขึ้นถึง 36% ซึ่งถือเป็นวันที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 1992 หลังจากบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำรายงานว่ารายได้จากฐานข้อมูลแบบมัลติคลาวด์จาก Amazon, Google และ Microsoft เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลถึง 1,529% ในไตรมาสล่าสุด ซึ่งได้รับแรงหนุนจากความต้องการเซิร์ฟเวอร์ AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก





