ราคาทองคำพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ทะลุผ่าน 3,600 ดอลลาร์สหรัฐ

ราคาทองคำพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ขึ้นเหนือ 3,600 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ในวันจันทร์ ตลาดมั่นใจเฟดลดดอกเบี้ยลงสัปดาห์หน้า จากสัญญาณเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลง
รอยเตอร์ รายงานตลาดทองคำโลกวันจันทร์ (8 ก.ย. 68) หรือเมื่อคืนที่ผานมาตามเวลาประเทศไทยว่า ราคาทองคำพุ่งทะลุระดับ 3,600 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์เป็นครั้งแรกในวันจันทร์ และทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากข้อมูลแรงงานสหรัฐฯ ที่อ่อนแอลงยิ่งตอกย้ำการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะลดอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า
ราคาทองคำตลาดสปอต (Spot Gold) พุ่งขึ้น 1.3% มาอยู่ที่ 3,634.25 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ ณ เวลา 14:26 น. ตามเวลาฝั่งตะวันออกสหรัฐ (18:26 GMT) ทองคำแท่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,646.29 ดอลลาร์สหรัฐฯ
ราคาทองคำตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของสหรัฐฯ (Gold Futures) ส่งมอบเดือนธันวาคม ปิดตลาดสูงขึ้น 0.7% ที่ 3,677.40 ดอลลาร์สหรัฐฯ
ปีเตอร์ แกรนท์ รองประธานและนักกลยุทธ์อาวุโสด้านโลหะของ Zaner Metals กล่าวว่า ราคาโลหะสีเหลืองอาจจะพุ่งขึ้นต่อไปสู่ระดับ 3,700–3,730 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในอนาคตอันใกล้นี้ โดยหากราคาทองคำอาจปรับตัวลดลงก็ถือเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ
เขากล่าวเสริมว่า “ตลาดแรงงานที่อ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่องและการคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดไปจนถึงต้นปี 2569 อาจช่วยหนุนราคาทองคำแท่งได้อย่างยืดยาว”
รายงานการจ้างงานประจำวันศุกร์แสดงให้เห็นว่าการเติบโตของการจ้างงานของสหรัฐฯ ชะลอตัวลงอย่างมากในเดือนสิงหาคม ขณะนี้นักลงทุนมองว่ามีโอกาส 88% ที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมเฟดเดือนกันยายน และมีโอกาสประมาณ 12% ที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.50% ทั้งนี้ ตามเครื่องมือติดตามเฟด FedWatch ของ CME
อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำแท่งที่ไม่ให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ย
ราคาทองคำทะยานขึ้น 38% ในปีนี้ หลังจากพุ่งขึ้น 27% ในปี 2567 โดยได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง การสะสมสินทรัพย์ที่แข็งแกร่งของธนาคารกลางทั่วโลก นโยบายอัตราดอกเบี้ยแบบผ่อนปรน และความไม่แน่นอนของโลกที่เพิ่มสูงขึ้น
ข้อมูลอย่างเป็นทางการเมื่อวันอาทิตย์แสดงให้เห็นว่าธนาคารกลางจีนซื้อทองคำเพิ่มเป็นเดือนที่ 10 ติดต่อกันในเดือนสิงหาคม
ในขณะเดียวกัน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐาน ก็ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน
ขณะนี้นักลงทุนกำลังรอข้อมูลดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐฯ ในวันพุธ และดัชนีราคาผู้บริโภคในวันพฤหัสบดี เพื่อดูสัญญาณเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางนโยบายของเฟด
“หากข้อมูลของสหรัฐฯ ยังคงอ่อนตัวลง ภาวะตลาดกระทิงของทองคำก็ควรจะวิ่งต่อไปเช่นกัน ขณะที่ทั้งดอลลาร์สหรัฐและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวลดลงต่อ” ฟาวาด ราซักซาดา นักวิเคราะห์ตลาดจาก City Index และFOREX.com กล่าว
ในทางกลับกัน “หากข้อมูลของสหรัฐฯ แสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งของเศรษฐกิจอย่างน่าประหลาดใจในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า นั่นอาจส่งผลให้ทองคำปรับตัวลดลงจากระดับที่สูงเช่นนี้” ราซักซาดา กล่าวเสริม
ด้านราคาโลหะเงินตลาดสปอตปรับตัวสูงขึ้น 0.8% มาอยู่ที่ 41.29 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2554 ก่อนหน้านี้ในช่วงการซื้อขาย ราคาแพลทินัมเพิ่มขึ้น 0.6% อยู่ที่ 1,381.49 ดอลลาร์สหรัฐฯ และแพลเลเดียมเพิ่มขึ้น 2.1% อยู่ที่ 1,132.87 ดอลลาร์สหรัฐฯ
อัปเดตราคาเช้านี้ (9 ก. ย. 68)
บลูมเบิร์ก รายงานว่า ราคาทองคำแท่งแทบไม่เปลี่ยนแปลง อยู่ที่ 3,635.07 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ณ เวลา 8:05 น. ตามเวลาสิงคโปร์ ค่าเงินดอลลาร์ทรง โดยดัชนี Bloomberg Dollar Spot Index ทรงตัว โดยเงินอ่อนค่าลง ขณะที่แพลเลเดียมและแพลทินัมปรับตัวสูงขึ้น
ราคาทองคำแท่งแทบไม่เปลี่ยนแปลงในการซื้อขายช่วงเช้าของเอเชีย โดยซื้อขายต่ำกว่าระดับสูงสุดล่าสุดที่ 3,646.46 ดอลลาร์ต่อออนซ์ประมาณ 10 ดอลลาร์ ราคาทองคำพุ่งขึ้น 2.5% ในสองวันทำการก่อนหน้า หลังจากข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ที่อ่อนแออย่างไม่คาดคิดในวันศุกร์ ทำให้นักลงทุนคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยสามครั้งในปีนี้ รวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25%ในการประชุมเฟดสัปดาห์หน้า





