ทองคำพุ่งเฉียดระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 3,600 ดอลลาร์สหรัฐ

ทองคำพุ่งเฉียดระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 3,600 ดอลลาร์สหรัฐ

ทองคำพุ่งเข้าใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,600 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ในวันศุกร์ หลังข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ที่อ่อนแอหนุนแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ย

รอยเตอร์  รายงาน ราคาทองคำ พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันศุกร์ (5 ก.ย.68) โดย ทองคำ ขยับเข้าใกล้ 3,600 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ห่างเพียงไม่กี่ดอลลาร์ เนื่องจากข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ที่อ่อนแอยิ่งทำให้คาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สูงขึ้น

 

ราคาทองคำตลาดสปอต (Spot Gold) พุ่งขึ้น 1.4% อยู่ที่ 3,596.55 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ ณ เวลา 14:47 น. ตามเวลาฝั่งตะวันออกสหรัฐ (18:47 GMT) หลังจากแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,599.89 ดอลลาร์สหรัฐฯ ก่อนหน้านี้ ขณะนี้ราคาทองคำกำลังอยู่ในเส้นทางของการปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์ที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบเกือบสี่เดือน 

ราคาทองคำตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า(Gold Futures) ส่งมอบเดือนธันวาคมของสหรัฐฯ ปิดตลาดพุ่งขึ้น 1.3% อยู่ที่ 3,653.30 ดอลลาร์สหรัฐฯ

ราคาทอง ทะยานขึ้น 37% ในปีนี้ หลังจากพุ่งขึ้น 27% ในปี 2567 ซึ่งเป็นผลมาจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ แรงซื้อของธนาคารกลางทั่วโลก นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายลง และความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจ

 

ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าการเติบโตของการจ้างงานในสหรัฐฯ อ่อนตัวลงอย่างรวดเร็วในเดือนสิงหาคม ขณะที่อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 4.3% ซึ่งยืนยันว่าสภาวะตลาดแรงงานกำลังอ่อนตัวลง นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 90% ที่จะลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% และมีโอกาส 10% ที่จะลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ในเดือนกันยายนนี้

“ทองคำทำจุดสูงสุดใหม่ นักลงทุนขาขึ้นกำลังจับตาดูแนวโน้มการจ้างงานที่อ่อนตัวลงอย่างชัดเจน ซึ่งจะนำไปสู่การลดอัตราดอกเบี้ยหลายครั้ง” ไท หว่อง เทรดเดอร์โลหะอิสระกล่าว

 

แนวโน้มทองคำเป็นไปในเชิงบวกอย่างไม่ต้องสงสัย เนื่องจากความกังวลด้านแรงงานมีมากกว่าความเสี่ยงภาวะเงินเฟ้อในระยะสั้น หรืออาจจะเป็นระยะกลาง อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าเรายังห่างไกลจาก ระดับ 4,000 มาก เว้นแต่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่” หว่องกล่าวเสริม

 

นักวิเคราะห์ยังได้ชี้ให้เห็นถึงประเด็นความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดทิศทางของทองคำ ซึ่งเป็นประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ พยายามปลดลิซา คุก กรรมการผู้ว่าการเฟด และกดดันธนาคารกลางสหรัฐฯ ให้ลดอัตราดอกเบี้ยหลายครั้ง

 

ทองคำแท่ง ซึ่งไม่มีการจ่ายดอกเบี้ย มักจะโดดเด่นเมื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำและมีความไม่แน่นอนสูง ทำให้เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่นักลงทุนมองหา

 

จีนและอินเดียเป็นผู้บริโภคทองคำรายใหญ่ที่สุด ความต้องการทองคำแท่งในศูนย์กลางเหล่านี้ลดลงในสัปดาห์นี้เนื่องจากราคาที่สูงเป็นประวัติการณ์

 

ข้อมูลสำรองทองคำเดือนสิงหาคมของธนาคารกลางจีน ซึ่งจะประกาศในวันอาทิตย์นี้ จะไม่สูงเป็นประวัติการณ์ แต่อาจช่วยให้เห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่าความต้องการจากธนาคารกลางได้รับผลกระทบจากราคาทองคำแท่งที่สูงอย่างไร

 

โลหะมีค่าอื่นๆ ได้แก่ เงินราคาตลาดเพิ่มขึ้น 0.8% มาอยู่ที่ 40.98 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และกำลังมุ่งหน้าสู่การปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่สามติดต่อกัน

 

ราคาแพลทินัมเพิ่มขึ้น 0.5% อยู่ที่ 1,373.92 ดอลลาร์ และแพลเลเดียมลดลง 1.5% อยู่ที่ 1,110.32 ดอลลาร์