ราคาทองคำโลกพุ่งทำสถิติสูงสุดตลอดกาลทะลุ 3,500 ดอลลาร์สหรัฐ

ราคาทองคำโลกพุ่งทำสถิติสูงสุดตลอดกาลทะลุ 3,500 ดอลลาร์สหรัฐ

ราคาทองคำโลกพุ่งทำสถิติสูงสุดตลอดกาลทะลุ 3,500 ดอลลาร์สหรัฐในวันอังคาร จากการคาดการณ์การลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ และความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ

รอยเตอร์ รายงานราคาทองคำพุ่งขึ้นกว่า 1% ในวันอังคาร (2 ก.ย.68) พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหนือ 3,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยนักลงทุนต่างแห่ซื้อโลหะนี้เนื่องจากความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นต่อการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และความเสี่ยงทางการเมืองและเศรษฐกิจที่ยังคงมีอยู่

ราคาทองคำตลาดสปอต (Spot Gold) เพิ่มขึ้น 1.5% อยู่ที่ 3,529.01 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ณ เวลา 14:00 น. ตามเวลาฝั่งตะวันออกสหรัฐ (18:00 GMT) หลังจากพุ่งขึ้นไปสูงถึง 3,529.93 ดอลลาร์สหรัฐ ทองคำแท่งปรับตัวสูงขึ้น 34.5% ในปีนี้

ราคาทองคำล่วงหน้าของสหรัฐ (Gold Futures)  ส่งมอบเดือนธันวาคม ปิดตลาดพุ่งขึ้นแรง 2.2% อยู่ที่ 3,592.2 ดอลลาร์สหรัฐ

“ตลาดทองคำกำลังเข้าสู่ช่วงที่การบริโภคมีความแข็งแกร่งตามฤดูกาล ประกอบกับการคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเฟดเดือนกันยายน เรายังคงคาดการณ์ว่าจะทำสถิติสูงสุดใหม่อีก” ซูกิ คูเปอร์ นักวิเคราะห์โลหะมีค่าของธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด กล่าว

ตลาดคาดการณ์ว่ามีโอกาสเกือบ 92% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25%ในการประชุมวันที่ 17 กันยายน ตามข้อมูลจากเครื่องมือติดตามเฟด FedWatch ของ CME ทองคำที่ไม่ให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยมักจะได้รับประโยชน์ในสภาวะอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง

นักวิเคราะห์ กล่าวว่า การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในปีนี้ได้รับแรงหนุนจากการเข้าซื้ออย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางทั่วโลก การกระจายการลงทุนออกจากดอลลาร์สหรัฐ ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีความยืดหยุ่นท่ามกลางความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และการค้า และการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์

ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายของสหรัฐ ภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่เพิ่มความน่าสนใจให้กับโลหะชนิดนี้ ความขัดแย้งของเขากับเฟด รวมถึงการวิพากษ์วิจารณ์ประธานเจอโรม พาวเวลล์ และการผลักดันให้ปลดกรรมการผู้ว่าการลิซา คุก ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความเป็นอิสระของธนาคารกลาง

"ข้อกล่าวหาต่อคุก ถือเป็นการเตือนอย่างชัดเจนต่อคณะกรรมการนโยบายการเงินคนอื่นๆ ให้ยอมจำนนต่อแรงกดดันจากรัฐบาลในการลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างมาก... ซึ่งจะทำให้การลงทุนในทองคำน่าสนใจยิ่งขึ้นในสภาพแวดล้อมเช่นนี้" Commerzbank กล่าวในบันทึก 

ขณะนี้ความสนใจหันไปที่ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์ เพื่อบ่งชี้ถึงขนาดของการลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน เซน วาวดา นักวิเคราะห์จาก MarketPulse by OANDA กล่าวว่า ตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอในสัปดาห์นี้อาจจุดชนวนให้เกิดการพูดถึงความเป็นไปได้ของการลดอัตราดอกเบี้ยลงระดับ 0.50%

"ผมไม่คิดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น แม้ว่าเราจะเห็นตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร ที่ไม่ดีนัก แต่ผู้เข้าร่วมตลาดอาจเริ่มประเมินความเป็นไปได้นี้ และนั่นอาจเป็นแรงผลักดันให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้น" วาวดา กล่าวเสริม

เงินทุนไหลเข้าจากกองทุนรวมดัชนี ( ETF) กำลังเสริมแรงให้กับการพุ่งสูงขึ้น SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุนทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่า ปริมาณการถือครองทองคำเพิ่มขึ้น 1.01% ในวันศุกร์ สู่ระดับ 977.68 ตัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2565

“การซื้อทองคำจากธนาคารกลางต่อไปจะยังคงช่วยหนุนราคาทองคำไว้ได้ แต่จำเป็นต้องมีเงินทุนไหลเข้าเพิ่มจากอีทีเอฟ อีกครั้งเพื่อให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นอีกครั้งสู่เป้าหมายที่เราตั้งไว้ที่ 3,675 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์” นาตาชา คาเนวา หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกของ J.P. Morgan กล่าว พร้อมเสริมว่า พวกเขาคาดการณ์ว่าราคาทองคำจะแตะระดับ 4,250 ดอลลาร์สหรัฐภายในสิ้นปี 2569

ด้านราคาโลหะเงินตลาดสปอตเพิ่มขึ้น 0.4% สู่ระดับ 40.84 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หลังจากแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2554

ราคาแพลทินัมลดลง 0.2% สู่ระดับ 1,397.16 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ราคาแพลเลเดียมทรงตัวที่ 1,137.33 ดอลลาร์สหรัฐ

อัปเดตราคาเช้านี้ (3 ก.ย.68)

บลูมเบิร์ก รายงานว่าราคาทองคำตลาดสปอตลดลง 0.1% มาอยู่ที่ 3,529.33 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ณ เวลา 7:24 น. ตามเวลาที่สิงคโปร์ หลังจากปิดตลาดวันอังคารที่ปรับตัวสูงขึ้น 1.6% ดัชนี Bloomberg Dollar Spot ทรงตัว หลังจากเพิ่มขึ้น 0.5% ในการซื้อขายก่อนหน้า ราคาโลหะเงินทรงตัวที่ 40.8866 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แพลทินัมทรงตัว ขณะที่แพลเลเดียมปรับตัวสูงขึ้น

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่าราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นติดต่อกัน 6 วัน ส่งผลให้ราคาทองคำแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันอังคาร (2 ก.ย.68) เนื่องจากแนวโน้มการลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับทองคำ และนักลงทุนมองหาสินทรัพย์ปลอดภัยหลังจากเกิดการเทขายในตลาดหุ้น และพันธบัตร

ทองคำแท่งส่งมอบทันทีทรงตัวใกล้ 3,530 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากพุ่งขึ้นถึง 1.8% สู่ระดับสูงสุดใหม่ที่ 3,540.04 ดอลลาร์ ความต้องการโลหะที่เป็นที่หลบภัยได้รับแรงหนุนจากที่นักลงทุนต้องการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในตลาดการเงิน โดยมีความกังวลใหม่เกี่ยวกับอนาคตความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐ และความกังวลด้านงบประมาณในประเทศพัฒนาแล้ว ส่งผลให้หุ้น และพันธบัตรรัฐบาลอายุยาวได้รับแรงกดดัน

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์