ดาวโจนส์  S&P 500 แนสแด็ก ร่วงรับเดือนก.ย. บอนด์ยีลด์พุ่ง

ดาวโจนส์  S&P 500 แนสแด็ก ร่วงรับเดือนก.ย. บอนด์ยีลด์พุ่ง

ดาวโจนส์ปิดตลาดร่วงลงกว่า 250 จุด แนสแด็ก S&P 500 ปิดติดลบตามในวันอังคาร รับเดือนกันยายน ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาษีนำเข้า และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่พุ่งสูงขึ้น

ซีเอ็นบีซี รายงานหุ้นสหรัฐ ปิดตลาดในวันอังคาร (2 ก.ย.68) ปรับตัวลดลง โดยนักลงทุนกำลังพิจารณาถึงสถานการณ์ล่าสุดเกี่ยวกับการค้า ซึ่งเป็นการเริ่มต้นเดือนที่ตลาดหุ้นซบเซาตามฤดูกาล ผลตอบแทนพันธบัตร(บอนด์ยีลด์)ที่สูงขึ้นก็สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนเช่นกัน

 

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average ปิดตลาดลดลง 249.07 จุด หรือ 0.55% ปิดที่ 45,295.81 จุด ดัชนี S&P 500

ลดลง 0.69% ปิดที่ 6,415.54 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก Nasdaq Composite ลดลง 0.82% ปิดที่ 21,279.63 จุด

นักลงทุนเทขายทำกำไรจากตลาดกระทิง หลังจากสิ้นสุดฤดูร้อนอย่างไม่เป็นทางการ  ยกตัวอย่างเช่น หุ้น Nvidia ปิดตลาดลดลงประมาณ 2% ขณะที่บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อื่นๆ เช่น Amazon และ Apple ลดลงประมาณ 1%

 

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลางสหรัฐ ตัดสินเมื่อวันศุกร์ว่ามาตรการภาษีศุลกากรทั่วโลกส่วนใหญ่ของทรัมป์นั้นผิดกฎหมาย ศาลอุทธรณ์สหรัฐ (The U.S. Court of Appeals for the Federal Circuit)  ได้ตัดสินด้วยคะแนนเสียง 7 ต่อ 4 เสียงว่ามีเพียงรัฐสภาเท่านั้นที่มีอำนาจในการเรียกเก็บภาษีศุลกากรที่ครอบคลุมในวงกว้าง ทรัมป์เรียกการตัดสินนี้ว่า "มีอคติทางการเมืองอย่างมาก" และกล่าวว่า เขาจะยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่ง

นักลงทุนยังจับตามองการพุ่งขึ้นของผลตอบแทนพันธบัตรเมื่อเริ่มเดือนกันยายน โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ อายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 4.27% ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปีขึ้นทะลุ 4.97% 

นักลงทุนในพันธบัตรผลักดันให้ผลตอบแทนสูงขึ้น เนื่องจากสหรัฐ อาจต้องคืนเงินหลายพันล้านที่ได้จากการเก็บภาษีศุลกากร ซึ่งจะทำให้สถานการณ์ทางการคลังของประเทศที่ตึงเครียดอยู่แล้วเลวร้ายลงไปอีก 

สถานการณ์เหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการเริ่มต้นเดือนแห่งการซื้อขายในเดือนกันยายนซึ่งถือเป็นเดือนที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์สำหรับตลาดหุ้น โดยดัชนี S&P 500 ร่วงลงเฉลี่ย 4.2% ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา และร่วงลงเฉลี่ยมากกว่า 2% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

 

“พันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปีที่อัตราดอกเบี้ย 5% ถือเป็นอุปสรรคสำคัญ ไม่ต้องสงสัยเลย” รอสส์ เมย์ฟิลด์ นักกลยุทธ์การลงทุนจาก Baird Private Wealth Management กล่าวกับซีเอ็นบีซี “ผมคิดว่ามันจะยังคงเป็นปัญหาสำหรับหุ้นที่ซื้อขายกันในราคาสูงค่อนข้างมาก”

 

ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทผ่านเดือนสิงหาคม มาอย่างแข็งแกร่ง โดยดัชนี S&P 500 ปรับตัวสูงขึ้นเกือบ 2% ทะลุ 6,500 จุดเป็นครั้งแรก เหตุการณ์สำคัญที่นักลงทุนรอคอยคือ การประกาศรายงานการจ้างงานประจำเดือนสิงหาคมในวันศุกร์ และผลกระทบต่อการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของเฟดในช่วงกลางเดือน

 

เดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา ดัชนี S&P 500 ทำสถิติสูงสุดใหม่ตลอดกาลเพิ่มอีก 5 ครั้ง ทำให้ดัชนีรวมตั้งแต่ต้นปีพุ่งขึ้นทำสถิติใหม่ 20 ครั้ง แซม สโตวอลล์ จาก CFRA Research ระบุ

 

“ในช่วงหลายปีที่ดัชนี S&P 500 ทำสถิติสูงสุดใหม่ได้ 20 ครั้งหรือมากกว่าจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม ดัชนี S&P 500 ยังคงปรับตัวลดลงโดยเฉลี่ยในเดือนกันยายน” หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนของบริษัทกล่าว “ตลาดอาจปรับตัวลงบ้างในอนาคตอันใกล้นี้ ขณะรอปัจจัยกระตุ้นใหม่ๆ”

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์